“หมอธี” เผยบอร์ด สกสค.มีมติขอศาลแพ่งคุ้มครองสิทธิ์ เพื่อหยุดเลือด สกสค.หลังธนาคารออมสิน ไม่ยอมหยุดหักเงินจากกองทุน ช.พ.ค.ใช้หนี้แทนครูค้างชำระต่อเนื่อง ทั้งที่ตกลงจะทำเอ็มโอยูใหม่
วันที่ 7 ส.ค.60 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า ที่ประชุมพิจารณา กรณี ที่ ศธ.ขอให้ธนาคารออมสิน คืนเงินที่หักจากเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ และส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของสำนักงาน สกสค. ชำระหนี้แทนผู้กู้ที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไป คืนให้กับ สกสค. เนื่องจากทางฝ่ายกฎหมายของ สกสค. ได้ตรวจสอบบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู ที่อดีตเลขาธิการ สกสค. ทำไว้กับธนาคารออมสิน กรณีให้ธนาคารออมสิน หักเงินจากกองทุนสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนผู้ที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไปได้นั้น เป็นสัญญาฝ่ายเดียว ถือเป็นการทำนิติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เป็นตัวกลางเจรจากับ สกสค.และธนาคารออมสิน โดยมีการตกลงว่าจะยกเลิกการทำบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยูฉบับเดิม และทำเอ็มโอยูฉบับใหม่ กับเลขาธิการ สกสค.คนปัจจุบัน แต่ทางธนาคารออมสิน บอกว่าไม่สามารถยกเลิกการหักเงินได้ จนกว่าจะมีการทำเอ็มโอยูฉบับใหม่
ทั้งนี้ การที่ทางธนาคารออมสิน ระบุว่าไม่สามารถหยุดหักเงินได้ ทำให้ทาง สกสค. รู้สึกว่าได้รับความเสียหายมาโดยตลอด ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้สำนักงาน สกสค. ดำเนินการทางแพ่ง และขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ธนาคารออมสิน หยุดหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ ก่อน ส่วนขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ว่าไปตามกฎหมาย
“เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายยืนยันมาแล้วว่า สามารถที่จะดำเนินการทางแพ่งได้ก่อน ส่วนเรื่องจะส่งให้อัยการสูงสุด(อสส.) พิจารณาเพราะเป็นกรณีระหว่างรัฐต่อรัฐนั้น ก็ไปว่ากัน เพราะหลายเรื่องต้องตีความกันตามกฎหมาย เช่น ข้อตกลงนี้สามารถทำได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นเพื่อหยุดเลือด ก็ต้องขอให้ธนาคารออมสิน ไม่หักเงินเรา เพราะเราเคยขอให้เขาหยุดหักแล้ว แต่เขาไม่ยอม เราก็ต้องขอพึ่งศาลแพ่ง โดยขอให้ออกคำสั่งคุ้มครอง”
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวและว่า นอกจากนี้ได้หารือกรณีที่ สกสค. นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนฯ ซื้อหุ้นจากบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด จำนวน 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย โดยทางผู้บริหารบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ ได้เข้ามาชี้แจงข้อมูล เรื่องการโอน การซื้อขายหุ้นว่า ทำกันอย่างไร ซึ่งพบว่ามีกรณีที่ทางบริษัท หนองคายน่าอยู่ โอนหุ้นให้ก่อนที่ ทางกองทุนเงินสนับสนุนฯ จะชำระเงิน ตรงนี้ถือเป็นเรื่องภายในที่ตนจะไปตรวจสอบ ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะการโอนหุ้นให้ก่อน ต่างจากการซื้อขายหุ้น ตรงนี้เป็นรายละเอียด
ส่วนกรณีที่ซื่อหุ้นในราคา 25 บาท สูงกว่าราคาพาร์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ 10 บาทนั้น ทางบริษัทชี้แจงว่า เขาเป็นเอกชน เมื่อมีใครเสนอซื้อหุ้นในราคาสูงสุด เขาก็ขายให้คนนั้น ตรงนี้เราต้องไปตรวจสอบอีกว่า ทำไมอดีตผู้บริหารสกสค. ถึงเสนอซื้อในราคา 25 บาท แต่ที่ชัดเจนคือ พบว่าทางบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ มีการดำเนินการทำงานจริง มีการลงทุนจริง มีโรงไฟฟ้าจริง และเป็นการลงทุนที่ไม่พบข้อมูลทุจริต ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ดำเนินการลงทุนต่อ เพราะเป็นการลงทุนทางธุรกิจที่มีค่าตอบแทนจริง ทั้งนี้ทางบริษัท หนองคายน่าอยู่ ฯ ยังการันตี ด้วยว่า ไม่ว่าโครงการดังกล่าว จะกำไร หรือขาดทุน เขาจะจ่ายเงินให้สำนักงาน สกสค.ปีละ 40 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรื่องนี้จึงถือว่าจบแล้ว ส่วนเรื่องภายในของเราก็ต้องไปตรวจสอบกันเอง
นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้สำนักงาน สกสค. จะดำเนินการทางแพ่ง และขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ธนาคารออมสิน หยุดหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ ก่อนเพื่อเป็นการหยุดเลือดไหล เพราะเขายังหักเงินเรื่อย ๆ ทำให้สำนักงาน สกสค.ได้รับความเสียหาย และเราเองก็ไม่รู้ว่า การทำสัญญาตามข้อตกลงฉบับใหม่ จะเกิดขึ้นเมื่อไร
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ