กรมอนามัย เผยร.ร.ผ่านประเมิน Sandbox Safety zone in School 48 แห่ง พบบางแห่งหย่อนมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำแนวทาง Sandbox ลดเสี่ยงแพร่เชื้อ สร้างความปลอดภัยให้เด็ก
นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการที่ได้มีจัดทำแนวทาง Sandbox Safety zone in School เพื่อให้โรงเรียนและนักเรียนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีโรงเรียนที่เข้าร่วม Sandbox Safety zone in School จำนวน 68 โรงเรียน พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 48 แห่ง
และมีโรงเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการแต่มีการเปิดเรียนโดยหย่อนมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่พบบ่อยได้แก่ 1) โรงเรียนประจำยังมีบุคลากรภายนอก เข้า – ออกภายในโรงเรียน รวมทั้งยังพบครู ยังเดินทางไป-กลับ ไม่มีการคัดกรองความเสี่ยง 2) โรงเรียนไม่มีการจัดระบบ Sandbox Safety zone in school ที่มีประสิทธิภาพ และ 3) อาคารหอพักค่อนข้างแออัด ระยะห่างของเตียงนอนยังไม่ถึง 1 เมตร ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเน้นย้ำมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แม้อยู่ในหอพัก นอกจากนี้ สำหรับแนวทางในการจัดการวัคซีนในกลุ่มนักเรียนตั้งแต่อายุ 12 ปีถึง 17 ปี ต้องมีการคำนึงถึงหลักฐานทางวิชาการ ประโยชน์ ข้อควรระวัง และความปลอดภัย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงความพอเพียงของวัคซีนที่จะดำเนินการในกลุ่มเป้าหมายให้ทันช่วงเดือนตุลาคมด้วย
ขอให้โรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนการสอนปฏิบัติตามแนวทาง Sandbox Safety zone in School ด้วยการจำกัดบุคคลเข้าออกโรงเรียนอย่างชัดเจน และจะมีการคัดกรองโดยใช้วิธี Rapid Antigen Test เน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ Thai Stop COVID Plus มีระบบติดตามเข้มงวดของครูและบุคลากรพร้อมเฝ้าระวังสุ่มตรวจทุก 14 วัน หรือ1 เดือนต่อภาคการศึกษา ด้านครู บุคลากรทางการศึกษามีการประเมินความเสี่ยงผ่าน Thai save Thai สม่ำเสมอ และเข้มมาตรการด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการทางสังคม เพื่อให้เด็กปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และในกรณีที่โรงเรียนมีการเปิดเรียนแล้ว แต่ต้องปิดเรียนเนื่องจากมีการติดเชื้อภายในโรงเรียนต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด