เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองและตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ยื่นหนังสือคณะผู้ควบคุมกิจการ กระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้รับใบอนุญาต หลังไม่ส่งคืนเงินของโรงเรียนที่ถูกนำไปใช้ในกิจการอื่น จำนวน 530 ล้านบาท ขัดต่อ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน
วันนี้ (24 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน และตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย นำโดย นายชัชวีร์ ชีวีวัฒน์ ผู้ประสานงานประชาสัมพันธ์องค์กร SaveBcc ในฐานะตัวแทนองค์กร 12 ชั้นปี แถลงข่าวถึงการยื่นหนังสือต่อต่อคณะผู้ควบคุมกิจการจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้บริหารมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย หลังไม่ส่งคืนเงินของโรงเรียนที่ถูกนำไปใช้ในกิจการอื่น จำนวน 530.23 ล้านบาท
สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียน หลัง สช. มีคำสั่งให้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย อยู่ในความควบคุมของ สช. เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2562 หลังเกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายภายในโรงเรียน จากการตรวจสอบพบว่า คณะกรรมการบริหารชุดก่อนหน้านี้ ได้พิจารณาอนุมัติให้โรงเรียนฯ ใช้จ่ายเงินงบประมาณของโรงเรียน ให้แก่มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาต และโรงเรียนในสังกัดผู้รับใบอนุญาต รวม 5 กรณี
อาทิ กองทุนพัฒนามูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย จำนวน 445 ล้านบาท, การใช้เงินโรงเรียนฯ ซื้อโรงเรียนบึงกาฬพิทักษ์ศึกษา หรือโรงเรียนบึงกาฬคริสเตียนเดิม จ.บึงกาฬ 70.73 ล้านบาท, การใช้เงินโรงเรียนฯ สนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียนเยนเฮส์เม็มโมเรียล เขตบางรัก กรุงเทพฯ 1.62 ล้านบาท, การนำเงินของโรงเรียน ไปสนับสนุนการซื้อโรงเรียนความหวังเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จำนวน 7 ล้านบาทเศษ และการใช้เงินโรงเรียนฯ สนับสนุนโรงเรียนเคนเน็ตแม็คแคนซี่ จ.ลำปาง จำนวน 5.86 ล้านบาท รวมทั้งสิ้่น 530.23 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ปี 2550 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2554
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการควบคุมโรงเรียน ได้มอบหมายให้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ดำเนินการเรียกเงินคืนจากมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ในฐานะผู้รับใบอนุญาต ซึ่งทางโรงเรียนได้แจ้งให้คืนเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินคืน ทางกลุ่มเครือข่ายฯ จึงยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการควบคุมโรงเรียน เพื่อเร่งรัดให้มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย คืนเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยประมาณ 45-50 ล้านบาท หากยังไม่ดำเนินการก็จะฟ้องร้องทางแพ่งกับมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทยต่อไป
นายชัชวีร์ กล่าวว่า ถ้าเงินจำนวนมากถูกดึงออกไป แสดงว่าโรงเรียนถูกตัดโอกาสไปอย่างต่ำ 15 ปี ข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ปรากฎแค่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนเพียงแห่งเดียว จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นอกจากนี้ยังมีกรณีการปลดนายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และไล่ออกนายวัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ผู้จัดการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย อย่างไม่เป็นธรรม ถ้าการทวงเงินของโรงเรียนได้รับการคลี่คลาย ประเด็นนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น