กรุงเทพฯ 28 ตุลาคม 2564 : กลุ่มดุสิตธานี ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรและสถาบันด้านอาหารชั้นนำของโลก เปิด The Food School ศูนย์ฝึกทำอาหารนานาชาติ และศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรแห่งแรกในไทย มูลค่าโครงการกว่า 336 ล้านบาท ดีเดย์ไตรมาสแรกปี 2565 ตั้งเป้าสร้างชุมชนคนรักอาหาร Food Community ที่ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการมืออาชีพรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการมือสมัครเล่น ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพและผู้สนใจทั่วไป ชูจุดเด่นที่นอกจากจะมีหลักสูตรสอนทำอาหารหลากหลายทั้งไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน จากสถาบันที่มีชื่อเสียงของโลกแล้ว ยังเปิดพื้นที่ The Test Kitchen ให้ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านอาหารเข้ามาทดลองใช้พื้นที่พัฒนาสูตร รวมถึงสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และทดลองขายจริง พร้อมรับคำแนะนำด้านธุรกิจและรับคำปรึกษาจากเซลิบริตี้เชฟ หรือเชฟที่มีชื่อเสียง ยอมรับโควิด-19 กระทบอุตสาหกรรมอาหารอย่างหนัก มั่นใจ The Food School จะสร้างความอยู่รอดอย่างยั่งยืนให้ผู้ประกอบการในภาวะที่ต้องเผชิญความท้าทาย
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีเตรียมที่จะขยายธุรกิจด้านการศึกษา ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรและสถาบันด้านอาหารชั้นนำของโลก เพื่อเปิด The Food School (เดอะ ฟู้ด สคูล) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นทั้งศูนย์ฝึกการทำอาหารนานาชาติ และศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรรายแรกในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน), บริษัท โกลวฟิช โคเวิร์คกิ้ง สเปซ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เฮอริเทจ เอสเตทส์ จำกัด บริษัทเพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์, บริษัท แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ ผู้ให้บริการอุปกรณ์เครื่องครัวและออกแบบสร้างห้องครัวชั้นนำของเอเชีย และสถาบัน La Scuola Internazionale di Cucina Italiana – ALMA สถาบันและศูนย์ฝึกสอนการประกอบอาหารอิตาเลียนชั้นนำระดับโลก โดยวงเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้มีมูลค่ากว่า 336 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานีและพันธมิตรมีความตั้งใจสร้าง The Food School (เดอะ ฟู้ด สคูล) ให้เป็นชุมชนสำหรับคนรักอาหาร หรือ Food Community ที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากสถาบันสอนประกอบอาหารรายอื่นในตลาด ด้วยการชู 3 จุดเด่น คือ ประการแรก คือ เราไม่ได้เป็นแค่โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร แต่ยังเป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านอาหารด้วย โดยเราเป็นเจ้าแรกในตลาด ที่นำหลักสูตรและความเชี่ยวชาญของสถาบันสอนประกอบอาหารระดับโลกถึง 3 แบรนด์ ได้แก่ ALMA สถาบันสอนประกอบอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดจากอิตาลี TSUJI สถาบันสอนประกอบอาหารที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 60 ปี และผลิตเชฟที่มีชื่อเสียงมากมายของญี่ปุ่น และวิทยาลัยดุสิตธานี สถาบันสอนประกอบอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยมาไว้ที่เดียวกัน ประการที่สอง ภายในโครงการยังประกอบด้วย พื้นที่ The Test Kitchen (เดอะ เทสต์ คิทเช่น) ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะประสบการณ์ทางธุรกิจ ที่จะเปิดโอกาสให้คนที่รักการทำอาหาร รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพ เข้ามาเช่าใช้ครัวหรืออุปกรณ์ เพื่อพัฒนาสูตร หรือใช้เป็นพื้นที่ทดสอบไอเดีย สร้างอาหารจานใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ ตลอดจนขอรับคำปรึกษาในการวางแผนธุรกิจ หรือขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ และประการที่สามคือ ใน The Food School (เดอะ ฟู้ด สคูล) ยังมีพื้นที่ในส่วนของ Mini Mall (มินิ มอลล์) ที่จะเปิดให้ร้านค้าจำหน่ายอาหาร ทั้งการขายจริงและการทดลองขาย และยังเป็นพื้นที่รองรับลูกค้าที่จะเข้ามาสังสรรค์ แลกเปลี่ยนไอเดีย หรือมองหาผู้ร่วมทุนได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คือจุดที่แตกต่างจากโรงเรียนหรือสถาบันสอนอาหารแห่งอื่นๆ และทำให้ The Food School เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่างแท้จริง
“ที่ผ่านมาธุรกิจอาหารได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บางร้านต้องปิดกิจการอย่างน่าเสียดาย ขณะพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าก็เปลี่ยนไป มีเรื่องของการใช้บริการฟู้ด เดลิเวอรี่มากขึ้น ธุรกิจอาหารจึงต้องเรียนรู้และปรับตัว เราจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ควรจะสร้างการเรียนรู้ จึงชักชวนเซลิบริตี้เชฟหรือเชฟที่มีชื่อเสียง มาร่วมงานกับเรา เพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษา ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ของผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ ให้กับผู้ประกอบการมืออาชีพรุ่นใหม่ รวมถึงมือสมัครเล่น หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ และผู้สนใจที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้ในต้นทุนที่ต่ำลงและเพิ่มกำไรได้สูงสุด จะทำอย่างไรให้ธุรกิจอาหารสามารถอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนทั้งในช่วงเวลาท้าทายในปัจจุบันและเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นในอนาคต เรามั่นใจว่า The Food School จะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน เรายังหวังที่จะใช้โรงเรียนแห่งนี้ในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อมาช่วยสร้างสรรค์แนวคิดด้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ ให้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของดุสิตธานีทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี กล่าว
นางสาวปริม จิตจรุงพร ประธานกรรมการบริหารของบริษัทแอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ (ไทยแลนด์) จํากัด กล่าวว่า จุดเด่นของ ห้องครัวที่ใช้ในการเรียนการสอนที่เดอะ ฟู้ด สคูล คือการออกแบบพื้นที่ที่เอื้อต่อการเรียนทำอาหารและทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยใช้เครื่องครัวและวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีคุณภาพสูงและทนทาน ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้เรียนเป็นสำคัญ เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า The Food School จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีใจรักด้านการทำอาหาร และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจด้านอาหารของประเทศอย่างยั่งยืน
“สิ่งที่โกลว์ฟิชทำมาตลอด คือการสร้างพื้นที่ในการทำงานที่มีความสนุก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คน เพื่อให้เป็นสังคมที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนหรือการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เรายังมีพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดคล้ายกันมาช่วยกันต่อยอด และสร้างสรรพื้นที่ของเราให้มีสีสันและสนุกสนาน ซึ่งนี่คือสิ่งที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้นกับ The Food School ให้กลายเป็นสังคมที่ดึงดูดให้ผู้คนที่สนใจและชื่นชอบสิ่งเดียวกันมาแลกเปลี่ยน ช่วยเหลือ และแบ่งปัน เพื่อสร้างสรรนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศไทย รวมถึงเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกษตรกรรม เวลเนส การศึกษา ยั่งยืน ด้วยการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของสังคมและเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน” นาย กวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเฮอริเทจ เอสเตทส์ จำกัด ผู้ก่อตั้ง บริษัท โกลว์ฟิช โคเวิร์กกิ้ง สเปซ กล่าว
The Food School (เดอะ ฟู้ด สคูล) จะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 3,200 ตารางเมตร ที่ Block 28: Creative & Start Up Village ที่เป็นย่าน Startup แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณจุฬา-สามย่าน ซึ่งในส่วนของโรงเรียนนั้น นอกจากจะถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยอุปกรณ์การครัวที่ทันสมัยแล้ว ยังมีการจัดหาวัตถุดิบที่มาจากการสรรหาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบพื้นถิ่น และวัตถุดิบเกรดพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศมาให้นักเรียนได้ใช้จริง รวมถึงใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบผสมผสานเทคโนโลยีการนำเสนอภาพและเสียง โดยมีหลักสูตรระยะยาวสำหรับมืออาชีพด้านอาหารไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน รวมถึงการทำขนมอบเบเกอรี่ และหลักสูตรระยะสั้น ที่จับกระแสเทรนด์อาหารใหม่ๆ สำหรับผู้ที่สนใจ
สำหรับหลักสูตรและบริการเต็มรูปแบบของเดอะ ฟู้ด สคูล (The Food School) จะเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ info@thefoodschool.com หรือ www.thefoodschool.com