‘ปลัด ศธ.’ ต้องไม่ถูกการเมืองครอบ นักวิชาการชี้สเปกต้องบริหารการศึกษาเป็น ไม่ติดกรอบราชการ-มองเห็นความแตกต่าง
ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) เปิดเผยว่า ตามที่นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน ส่วนตัวอยากได้คนที่มีคุณสมบัติเป็นนักบริหารจัดการ ที่สามารถประสานได้ทุกภาคส่วน เข้ามาเป็นปลัด ศธ.คนใหม่ เพราะตำแหน่งนี้ถือว่ามีความสำคัญ ต้องทำหน้าที่ดูแลทั้งองคาพยพของ ศธ.รวมถึง อยากให้เห็นความสำคัญของการดูแลการจัดการศึกษาเอกชน โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการและสวัดิภาพครูในโรงเรียนเอกชน ที่มีอยู่กว่า 1 แสนราย เพราะเท่าที่ดูกฎหมายต่างๆ ที่ออกมา รวมถึง กฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร จะเน้นดูแลเฉพาะครูและบุคลากรทางการศึกษาในภาครัฐ ดังนั้น หากเป็นไปได้ อยากให้ครูโรงเรียนเอกชนได้รับการดูแลที่ใกล้เคียงครูรัฐบ้าง ไม่ต้องถึงขนาดเท่าเทียม เพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจ
“อยากให้ปลัด ศธ.คนใหม่ที่จะเข้ามา ดูแลคุณภาพชีวิต สวัสดิการครูโรงเรียนเอกชนให้มากกว่าเดิม เพราะเมื่อครูโรงเรียนเอกชนส่วนหนึ่งไปสอบครูผู้ช่วย และได้รับการบรรจุแต่งตั้ง โรงเรียนเอกชนต้องสร้างครูใหม่เข้ามาทดแทน เพราะไม่มีแรงจูงใจ โดยเฉพาะเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชน ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ยกเว้นโรงเรียนที่มีสภาพคล่อง อาจให้เพิ่มมากขึ้น ยังไม่นับรวมสวัสดิการอื่นๆ ที่ได้ไม่ถึง 30% ของครูโรงเรียนรัฐบาล” ดร.ศุภเสฏฐ์ กล่าว
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า ปลัด ศธ.คนใหม่ จะต้องไม่ติดกรอบระบบราชการเกินไป ต้องมองให้เห็นแตกต่างหลากหลาย และเปิดรับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขณะเดียวกันอยากให้ปลัด ศธ.มีความเป็นนักวิชาการที่เข้าใจสภาพการศึกษา ที่สำคัญต้องบริหารการศึกษาให้เป็น ไม่ใช่ปล่อยให้การเมืองเข้ามาครอบงำ จนปล่อยให้การศึกษาถูกบิดเบือน
“ปลัด ศธ.ถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญ นอกจากต้องเป็นนักบริหารแล้ว จะต้องเป็นนักประสานที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานขององค์กรหลัก ศธ.ทุกแท่งให้เกิดการบูรณาการจัดการศึกษา ส่งต่อถึงการได้อย่างไม่มีปัญหา” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่