เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
พะเยา – โควิดป่วนเมืองกว๊านพะเยาอีก..พบผู้ป่วยกลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงรายเดินทางกลับจากชลบุรี เข้าพื้นที่ “เชียงคำ” ทำเชื้อลามแล้ว 7 กลุ่มเสี่ยงอีกกว่า 50 คน จน นอภ.ต้องประกาศแจ้งเตือนกลางดึก พร้อมเตรียมสั่งล็อกดาวน์หมู่บ้าน-ปิดโรงเรียนในพื้นที่ 2 อำเภอ
นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอเชียงคำ จ.พะเยา ได้ออกประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมา(15 มิ.ย.64) ระบุว่า ด้วยสถานการณ์โควิดในพื้นที่ ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย พบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี และมีไทม์ไลน์ร่วมกิจกรรมสังสรรค์ในหลายหมู่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะเกิดผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มใหญ่ และได้มีผู้ติดเชื้อเข้ามาในพื้นที่ ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา ด้วย
นอกจากนี้ได้รับแจ้งจาก รพ.เชียงคำ ว่าตรวจพบคนติดเชื้อในพื้นที่เชียงคำทั้งหมด จำนวน 7 ราย ซึ่งเป็นชาวบ้านใน ต.ร่มเย็น ขณะนี้ได้มีการกักตัวผู้มีความเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ มากกว่า 50 ราย ขณะนี้รอยืนยันผลเป็นทางการอยู่ และคาดว่าจะมีกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยคน
ดังนั้นจึงขอประชาชนงดการรวมกลุ่มกัน เพิ่มความระมัดระวัง สถานศึกษาที่คิดว่าตัวเองมีความเสี่ยง ให้หยุดเรียนไว้ก่อน งดการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย
ล่าสุดวันนี้(16 มิ.ย.64) ผลตรวจหาเชื้อโควิดจากแล็ปของ รพ.เชียงคำ ยืนยันมีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด 7 ราย และทางนายอำเภอเชียงคำเตรียมขอคำสั่งจากทางจังหวัดทำการปิดโรงเรียนในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.เชียงคำ อ.ภูซาง และปิดหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มอย่างเร่งด่วน
สำหรับผู้ป่วย 3 ราย ในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ที่น่าจะเป็นผู้นำเชื้อลุกลามเข้าพื้นที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา ดังกล่าว เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดินทางมาจากจังหวัดชลบุรีแล้วนำเชื้อมาแพร่ให้กับบุคคลใกล้ชิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุขอำเภอ-จังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่ค้นหาบุคคลผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรวม 61 ราย และให้เฝ้าระวังที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน โดยใช้พื้นที่โรงเรียน จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนรักแผ่นดิน โรงเรียนแผ่นดินทอง โรงเรียนบ้านเพียงหลวง และโรงเรียนบ้านราชภักดี เป็นสถานที่กักตัว พร้อมกับหารือเลื่อนการเปิดเรียนของโรงเรียนดังกล่าวออกไปด้วย
นอกจากนั้นได้ออกประกาศล็อกดาวน์หมู่บ้านในตำบลตับเต่า อำเภอเทิง การควบคุมผู้โดยสารรถประจำทางระหว่างจังหวัด ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองของผู้บริการรถยนต์ขนส่งตามที่จังหวัดเชียงรายกำหนด และการอนุญาตให้บุคคลที่ได้รับวัดซีนเอสตราเซนนากาเข็มที่ 1 แล้วเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ และบุคคลที่ได้รับวัดซีนชิโนเวคเข็มที่ 2 แล้ว เข้าพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ให้ระวังสังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง การปรับเปลี่ยนการให้บริการของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เนื่องจากยอดผู้ป่วยที่ตรวจพบมีจำนวนน้อยลง และอยู่ในอัตราจำนวนที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์สามารถรองรับได้