ปปป. ป.ป.ท. ป.ป.ช. ร่วมแถลงจับ ผอ.ไพฑูรย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) เรียกรับสินบนโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน เปิดภาพหลักฐานชัด แกะซองเช็กเงินสินบน ย้อนแย้งคำให้การ ที่อ้างว่าไม่รู้เป็นซองอะไร ของใครมาลืมไว้
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมด้วย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายศรชัย ชูวิชัย ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ได้ร่วมแถลงผลจับกุม นายไพฑูรย์ ภูมิช่อ อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) ผู้ต้องหาเรียกรับสินบนโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ผอ.ไพฑูรย์ เพิ่งย้ายมาใหม่ มาถึงพบเห็นช่องทางว่า ผู้ประกอบการได้กำไรจากอาหารเช้าที่เด็กนักเรียนไม่ค่อยมากินกัน จึงเรียกเงินตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นมา ทางผู้ประกอบการที่ได้กำไรจากโครงการดังกล่าวน้อยอยู่แล้ว จึงไปหยิบยืมเงินเพื่อมาจ่ายใต้โต๊ะให้ เนื่องจากถูกขู่ว่าจะยกเลิกสัญญา ตอนหลังผู้ประกอบการทนแบกรับภาวะขาดทุนและพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว
ทั้งนี้ที่ ผอ.อ้างว่า จะนำเงินไปซื้ออุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้นั้น ถือว่าเป็นงบคนละส่วน เงินที่เรียกรับจากผู้ประกอบการนั้นเป็นเงินอาหารกลางวันของเด็ก เด็กต้องได้ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ที่รัฐจัดสรรให้ ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการช่วยปรามไม่ให้โรงเรียนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งนี้อยากให้ข้าราชการเกรงกลัวต่อบาปกันบ้าง อย่าไปทำเเบบนี้กับเด็กตาดำๆ เลย
ด้าน นายนิวัติไชย กล่าวว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ พบว่ามี ผอ.เป็นผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว แต่ทั้งนี้ ป.ป.ท. ยังไม่ได้นิ่งนอนใจได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขยายผลว่ามีใครมาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ส่วนกรณีที่ ผอ.อ้างว่าจะนำเงินส่วนดังกล่าวไปจัดซื้อโต๊ะเก้าอี้ 40 ชุดนั้น จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นแค่การกล่าวอ้างเท่านั้น เพราะงบการจัดซื้อทางเขตเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามทาง ป.ป.ท.ได้รับแจ้งข้อมูลการโกงอาหารกลางวันเด็กจำนวนมาก ทาง ป.ป.ท.กำลังเร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ตัวนายไพฑูรย์ ภูมิช่อ อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) จะให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ รวมถึงอ้างว่าไม่ทราบว่าภายในซองเป็นเงินสดนั้น ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจ เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถเอาผิดผู้ต้องหารายนี้ได้ โดยเฉพาะหลักฐานภาพจากกล้องที่บันทึกไว้ ขณะพยานนำซองเงินไปมอบให้กับนายไพฑูรย์ ในห้องทำงานตามข้อเรียกร้อง
โดยกล้องดังกล่าว สามารถบันทึกภาพขณะที่นายไพฑูรย์ เปิดแกะซองเอกสารสีน้ำตาล เพื่อดูเงินของกลางภายในซองได้อย่างชัดเจน ขัดแย้งกับคำให้การของเจ้าตัวที่อ้างว่าไม่รู้เป็นซองอะไร ของใครมาลืมไว้.