คณะทำงานด้านโควิด-19 ของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า คนอเมริกันที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ย 500,000 คนต่อวันเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 900,000 คนต่อวันในปัจจุบัน
เจฟฟ์ ซายเอนท์ส ผู้ประสานงานด้านการรับมือโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า การที่บริษัทต่าง ๆ บังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนถือว่าได้ผล ซึ่งนายจ้างและภาคธุรกิจอื่น ๆ ควรนำมาตรการแบบเดียวกันมาใช้ รวมทั้งในระบบสาธารณสุข โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ควบคุมการระบาดครั้งนี้ได้เร็วขึ้น
เวลานี้ สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะการระบาดรอบใหม่ที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ ซึ่งขณะนี้องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ ยังไม่ได้รับรองวัคซีนโควิดแบบเต็มรูปแบบสำหรับประชาชนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และมีเพียงวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ที่ได้รับอนุญาตเป็นการฉุกเฉินให้ใช้กับเด็กอายุระหว่าง 12 – 15 ปีได้
สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีเด็กมากกว่า 200,000 คนในสหรัฐฯ ที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวก ในขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี แนะนำให้ผู้ปกครองนำลูกหลานที่อายุเกิน 12 ปีไปฉีดวัคซีนโควิดก่อนที่โรงเรียนจะเปิดภาคเรียน
แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผอ.ของซีดีซี กล่าวว่า ยังไม่ช้าเกินไปที่จะนำเด็ก ๆ ไปฉีดวัคซีน นอกจากนี้การสวมหน้ากากยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน คุณครู เจ้าหน้าที่ และผู้ปกครองทุกคนที่มีส่วนร่วมกับโรงเรียน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหนือไม่ก็ตาม
ซีดีซียังแนะนำให้โรงเรียนต่าง ๆ ใช้มาตรการเสริมเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส รวมถึงการปรับปรุงระบบการถ่ายเทอากาศ การเว้นระยะห่าง และการจัดให้มีระบบการตรวจอาการป่วยต่าง ๆ ของนักเรียนและครูทุกคน เป็นต้น
ขณะเดียวกัน นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ผอ.สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ เน้นย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่สตรีมีครรภ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสที่อาจสร้างความเสี่ยงด้านสุขภาพให้กับทั้งแม่และเด็กได้