Website Sponsored

วงการคริปโทฯ เตือนศึกษาให้ดีก่อนลงทุนห่วงหน้าใหม่ทุ่มหนักอาจสูญหลังราคาพุ่งล่อใจ

Website Sponsored
Website Sponsored

ผศ.วรประภา นาควัชระ ผู้ช่วยอธิการบดี และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐกศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในงานเสวนา “รู้ทันการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี”ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดขึ้นว่า การปรับขึ้นของราคาบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงส่งผลให้นักลงุทนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมาก ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ในช่วงปลายปี ค.ศ.2017 ที่มูลค่าบิทคอยท์ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 เท่ากลายเป็นที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ จากการศึกษาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของคริปโทเคอร์เรนซี่อื่นๆ รวมไปถึงบิทคอยน์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับดัชนีตลาดหุ้น ค่าเงิน ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆเข้ามาวิเคราะห์ แต่พบว่าการปรับตัวขึ้นของราคาเกิดจาก Sentiment ของตลาดเป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้เพียงพอก่อนที่จะเข้าลงทุน รวมถึงประเมินความสามารถในการนำเงินมาลงทุนที่จะต้องเป็นเงินที่สามารถรับผลขาดทุนได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เงินดังกล่าวจะหายไปทั้งหมด

“เราอยากที่จะแนะนำผู้ที่สนใจให้กระโดดเข้ามาศึกษาก่อน ไม่ใช่กระโดดเข้าไปลงทุนเลย เพราะอาจจะมีกลุ่มนักศึกษาที่อยากลงทุน ก็ต้องคำนึงถึงเงินที่อาจจะเสียไป เพราะไม่ได้ลำบากแค่ตัวเอง อาจจะลำบากไปถึงพ่อแม่ ส่วนคนที่หารายได้เองแล้วก็ต้องเป็นเงินที่เย็นยังไม่จำเป็นต้องใช้เอามาลงทุนเพราะอาจจะเสียเงินต้นทั้งหมดได้ ซึ่งปัจจุบันนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายก็พยายามหาปัจจัยที่จะมีผลทำให้ Cryptocurrency ปรับตัวขึ้นหรือลง แม้ว่าปัจจุบันผลที่ออกมายังคงมาจาก Sentiment เป็นหลัก แต่เชื่อว่าหลังจากจบรอบการขึ้นรอบนี้จะเห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น”ผศ.วรประภา กล่าว

ด้านนายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ในหลักคิดราคาบิทคอยท์จะมีความคาดหวังของนักลงทุน โดยจากการสำรวจนักลงทุนสหรัฐในเดือนต.ค.63 พบมีคนสนใจ 36% แต่ขณะนี้ปรับขึ้นมาเป็น 55% มีคนอยากศึกษาและเข้าลงทุนมากขึ้น โดยปัจจุบันมีปริมาณคนใช้ Acitve Address สูงขึ้นมากกว่าปี 2017 ที่บิทคอยท์บูม และเห็นว่าปริมาณ Acitve Address ยังไปไม่สุด โดยในช่วงปี 2017 มี New Address มากพอๆกับ Active Address และพบว่ายังมีคนเก่าที่ยังคงอยู่ในตลาดมีมากกว่า New Address แต่รอบนี้จำนวน New Address ไม่ได้มากเท่ากับปี 2017 โดยในเอเชียมีผู้เล่นหน้าใหม่จาก ธ.ค.มาถึง ม.ค.เพิ่มขึ้น 3 เท่า

ผลสำรวจระบุว่าในช่วง 1 ปี แสดงให้เห็นว่ามีผู้ลงทุนสัดส่วน 38% เป็นนักลงทุนในช่วง 4 เดือน 26% ลงทุนมา 5-6 เดือน 19% ลงทุน 7-12 เดือน และ 17% เป็นผู้ลงทุนมากกว่า 1 ปี ขณะที่สัดส่วน 83% เพิ่งเข้ามาลงทุนไม่ถึง 1 ปี และในจำนวน 63% ที่รับผลกระทบโควิด-19 เข้ามาเป็นนักลงทุนหน้าใหม่

ทั้งนี้ มองว่าโอกาสการลงทุนที่ปัจจุบันความมั่งคั่ง (Wealth) อยู่ในกลุ่ม Baby boomer จะย้ายฝั่งไปกลุ่ม Gen X กับกลุ่มมิเลนเนียมในอนาคต ซึ่งการลงทุนเป็นโอกาสก็ควรหาความรู้ศึกษาอย่างเข้าใจถ่องแท้ เพราะความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่สินทรัพย์ แต่ความเสี่ยงมาจากวิธีคิดหรือ mindset เป็นจุดเริ่มต้นต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก

“Mindset สำคัญมากกับการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เทคนิคคือการออม Mindset จะต่างกัน เวลาที่เรามองเป็นการพนันจะเอากระดานเทรดเป็นสมรภูมิไปห่ำหั่นกัน จะมี information บางอย่างที่กล้าจะทำอย่างบ้าบิ่น สุดท้ายเกราะป้องกันที่ดีที่สุดก็คือความรู้ จะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นเกราะป้องกันได้ทุกรูปแบบ”นายศุภกฤษณ์ กล่าว

นอกจากความรู้แล้วต้องรู้ถึงความเสี่ยงด้วยซึ่งไม่ได้อยู่เพียงสินทรัพย์ รวมถึง mindset ของผู้ลงทุนด้วย

ส่วนนายอัครเดช เดี่ยวพานิช ผู้ก่อตั้งเพจ Coinman และประธานกรรมการบริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด กล่าวว่า ดิจิทัลแอสเสท หรือคริปโทเคอเรนซี กล่าวเตือนการลงทุนคริปโทเคอเรนซี ที่น่าเป็นห่วงที่เข้ามาลงทุนในลักษณะการเล่นพนันโดยไม่ศึกษาก่อนซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนของกลุ่มคนส่วนใหญ่ ฉะนั้นแนะนำให้เล่นผ่านบริษัทหรือหลักทรัพย์ไหนที่ก.ล.ต.รองรับถูกกฎหมาย หากเป็นการฝากลงทุนก็ไม่ควร หรือมีการชักชวนลักษณะแชร์ลูกโซ่ที่โฆษณาให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ทั้งนี้ย้ำว่าควรไปศึกษาที่มาของเงินดิจิทัล และสินค้าดิจิทัลอื่นๆ อาทิ บิทคอยท์ โดยการลงทุนมีทั้งการลงทุนระยะยาว นักเทรด และผู้ที่หาผลตอบแทนสร้างเป็นรายได้


Website Sponsored
นักเรียน นักศึกษา

นักเรียน โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา ศึกษาต่อต่างประเทศ สอบ กิจกรรมและงานต่าง ๆ ของนักศึกษาฯลฯ

Recent Posts

Google News

แชร์อีกมุม! ‘ปิยะโสภา’ อันดับ1 แทน ‘ครูเบญ’ เก่ง หัวกะทิ สอบติด1 ใน 400 สนามครูอาชีวะ  มติชน

Google News

ธนาคารแห่งประเทศจีน มอบเงินสนับสนุนการศึกษา ‘อักษรเบรลล์ภาษาจีน’ ในไทย  The Bangkok Insight

Google News

พล.ร.7 เปิดค่ายต้อนรับนักศึกษา ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่  เชียงไหม่นิวส์