เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2564 สำนักงานกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 92 ล้านบาท เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางโภชนาการให้กับนักเรียนประถมศึกษาในทุกสังกัดทั่วประเทศ โดยใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วมและหลักธรรมาภิบาล พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนที่มีที่ตั้งอยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และพิจารณาโดยยึดพื้นที่เป็นฐาน (Area-based) ตามแนวทาง หลักการ และเกณฑ์การพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียน
นายอัมพรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน ได้จัดสรรงบประมาณให้กับนักเรียนเพื่อลดภาวะทุพโภชนาการของนักเรียน ผ่านการดำเนินงานโครงการต่างๆ ได้แก่ 1.โครงการสร้างความเท่าเทียมด้านภาวะโภชนาการสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ โดยสนับสนุนอาหารเช้าและเย็นให้กับนักเรียนบ้านไกลพักนอนที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 60 โรงเรียน และสนับสนุนอาหารเช้าให้กับนักเรียนในพื้นที่ยากลำบาก จำนวน 50 โรงเรียน 2.โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตกับชุมชนภาคีเครือข่ายเพื่ออาหารนักเรียน โดยการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันนักเรียน และนำผลผลิตที่ได้มาประกอบอาหารให้นักเรียนเพื่อลดปัญหาภาวะทุพโภชนาการของนักเรียนในโรงเรียน จำนวน 1,279 โรงเรียน และ 3.โครงการส่งเสริมสนับสนุนการบริหารจัดการอาหารนักเรียนในโรงเรียน โดยสนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการของนักเรียน จำนวน 597 โรงเรียน สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนเพื่อพัฒนาระบบสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียน (จัดซื้อจาน ชาม ช้อน ส้อม เพื่อให้นักเรียนใช้รับประทานอาหาร) จำนวน 240 โรงเรียน และสนับสนุนให้โรงเรียนพัฒนาระบบจัดหาน้ำดื่มสะอาดบริการแก่นักเรียนในโรงเรียน (เครื่องกรองน้ำ) จำนวน 226 โรงเรียน
“โดยสรุปในปีงบประมาณ 2564 กองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนนักเรียน รวมทั้งสิ้น 2,452 โรงเรียน จำนวนนักเรียน 448,030 คน รวมเป็นเงิน 92,000,000 บาท ทั้งนี้ นักเรียนต้องได้รับอาหารที่มีคุณภาพ 200 วันต่อปีการศึกษา โดยหากเป็นกรณีที่สถานศึกษาเปิดเรียนปกติ ให้สถานศึกษาดำเนินการตามโครงการที่เสนอของบประมาณ แต่หากเป็นสถานศึกษาที่ไม่สามารถเปิดเรียนได้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาหารของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้าหรือมื้อเย็น ให้สถานศึกษาดำเนินการส่งมอบเงินให้กับผู้ปกครองดำเนินการแทน โดยมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และขอให้ยึดถือตามระเบียบทางการเงินเป็นสำคัญ” นายอัมพรกล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่