นับแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียชีวิตในสงครามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติยูเครนเมื่อ 27 ก.พ. ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 210 คน ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วยหลายคน
เด็กหญิงวัย 7 ขวบคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีโรงเรียนอนุบาล และมีผู้เสียชีวิตอีกหลายรายในกรุงเคียฟ นอกจากนี้ยังมีสมาชิกในชุมชนชาวกรีกทางภาคใต้ของยูเครนอีก 10 คนต้องสูญเสียชีวิตไปในขณะที่หมู่บ้านของพวกเขาถูกรัสเซียโจมตี
อลิซา ฮลันส์ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 6 คนจากเหตุโรงเรียนอนุบาลถูกถล่มในขณะที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนเป็นวันที่สอง เมื่อ 25 ก.พ. ที่เมืองอ็อกทีร์กา เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไม่ไกลจากพรมแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือที่ติดกับรัสเซีย
นางไอรีนา เวเนดิกโตวา อัยการสูงสุดระบุว่า อลิซาซึ่งกำลังจะอายุครบ 8 ขวบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันถัดมา (26 ก.พ.)
นางเวเนดิกโตวา ซึ่งประกาศข่าวเศร้านี้ทางโซเชียลมีเดียพร้อมด้วยภาพวาดที่มีข้อความว่า “เราต้องการสันติภาพ” ได้เผยอีกว่า ขณะนี้ทีมแพทย์กำลังช่วยชีวิตเด็กอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บในการโจมตีนี้
การรุกรานยูเครนของรัสเซียยังทำให้มีเด็กอีกหลายคนต้องสูญเสียชีวิตอันบริสุทธิ์ไปก่อนวัยอันควร หนึ่งในนั้นคือ พอลีนา เด็กหญิงที่อยู่ชั้นปีสุดท้ายในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ
ทางการกรุงเคียฟระบุว่า พอลีนาและพ่อแม่ของเธอถูกยิงเสียชีวิตจากน้ำมือของหน่วยก่อวินาศกรรมของรัสเซียบนถนนแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ
ส่วนพี่น้องผู้หญิงและผู้ชายของพอลีนาได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยพี่น้องผู้หญิงกำลังรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยอาการวิกฤต ส่วนพี่น้องชายได้ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็กอีกแห่ง
แม้จะยังไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของพลเรือนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ แต่เรื่องราวของพวกเขาก็น่าสลดใจไม่แพ้กัน
หนึ่งในนั้นคือเด็กชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตตอนที่อะพาร์ตเมนต์ของเขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนถูกปืนใหญ่ยิงถล่มในวันที่สองที่รัสเซียบุกยูเครน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้อะพาร์ตเมนต์หลายห้องเกิดเพลิงไหม้
ในการโจมตียูเครนวันแรก มีสมาชิก 5 คนของครอบครัวหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศเสียชีวิตในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบจากคาบสมุทรไครเมีย เพื่อบุกเข้าเมืองเคอร์สัน
เยฟเฮน ซูคอฟ หัวหน้าหน่วยตำรวจสายตรวจในยูเครนระบุว่า ผู้เสียชีวิตกลุ่มนี้เป็นครอบครัวของตำรวจนายหนึ่ง แม้จะยังไม่ทราบข้อมูลแวดล้อมอย่างชัดเจน แต่มีรายงานว่าพวกเขาได้ขึ้นรถยนต์ 2 คัน เพื่อหลบหนีการบุกของกองทัพรัสเซีย ก่อนที่จะถูกกระหน่ำยิงที่นอกเมืองเคอร์สัน
โอเลก เฟดโก เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจพาครอบครัวอพยพออกจากพื้นที่ แต่เนื่องจากเขาต้องเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ พ่อและแม่ของเขาจึงอาสาขับรถมารับภรรยาและลูกน้อยของเขาแทน
เดนิส ซึ่งเป็นพี่น้องผู้ชายของโอเลก เฟดโก เล่าว่า เขากำลังคุยโทรศัพท์กับแม่ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเธอร้องตะโกนว่ามีเด็กอยู่ในรถ ก่อนที่จะมีเสียงปืนตามมา
พ่อและแม่ของโอเลก เฟดโก ในวัย 56 ปี เสียชีวิตพร้อม ไอรีนา ภรรยาของเขา และลูกน้อย 2 คน คือ โซเฟีย วัย 6 ขวบ และอีวาน ที่มีอายุเพียงไม่กี่สัปดาห์
ห่างออกมาราว 450 กม. ที่หมู่บ้าน 2 แห่งไม่ไกลจากพรมแดนตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกรีกต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม 2 ครั้งซ้อน
รัฐบาลกรีซระบุว่า มีคนเชื้อสายกรีกอาศัยอยู่ในยูเครนมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยปัจจุบันคาดว่ามีชาวกรีกอาศัยอยู่ที่นี่ราว 150,000 คน
เมื่อ 26 ก.พ. นายกรัฐมนตรี คีรีอาคอส มิตโซทาคิส ของกรีซ กล่าวด้วยความเศร้าและโกรธเกรี้ยวว่า มีพลเรือนเชื้อสายกรีก 10 คน เสียชีวิตในเหตุโจมตีทางอากาศของรัสเซียที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองท่ามาริอูโปล และอีกแห่งหนึ่งห่างออกไปทางเหนือราว 65 กม.
เหตุโจมตีดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนในกรีซอย่างมาก และรัฐมนตรีต่างประเทศกรีซได้แสดงการประท้วงอย่างรุนแรงต่อเอกอัครราชทูตรัสเซีย
แต่สถานทูตรัสเซียในกรุงเอเธนส์กล่าวโทษว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของกองทัพยูเครน พร้อมอ้างว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ของรัสเซียมุ่งเป้าโจมตีเฉพาะหน่วยงานและโครงสร้างพื้นฐานของทหารเท่านั้น