วันที่ 15 ก.พ. 2565 เวลา 21:57 น.
SISB เปิดแผน 5 ปี ลุย “Project H” บุกตลาดใหม่ โรงเรียนนานาชาติย่านชานเมือง-ตจว. ประเดิมแห่งแรกที่จังหวัดระยอง
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (SISB) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯในช่วง 5 ปี (2565-2569) นับจากนี้ จากฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่ง และเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในระยะยาว บริษัทฯจะมุ่งเน้นการขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Project H ซึ่งจะเป็นรูปแบบของโรงเรียนนานาชาติในย่านชานเมือง และในหัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการศึกษาในราคาที่เข้าถึงได้
“หลังจากที่เราเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รองรับแผนขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน ตอบโจทย์ความต้องการผู้ปกครอง”
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีจำนวนนักเรียนภายในกลุ่ม 4,150 คน โดยในปี 2566 เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ห้า โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี ตามแผน และ เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติภายใต้ Project H เป็นลำดับถัดไป
ล่าสุด ในช่วงปลายปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ขนาดพื้นที่ประมาณ 24.5 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับแผนการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งที่หก ซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติใน Project H โดยจะมีหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
“กลุ่มบริษัทฯ มีแผนและกลยุทธ์เพิ่มจำนวนนักเรียนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครองติดต่อสอบถามแนวทางในการส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนในเครือ จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SISB กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และสัดส่วนของประชากรได้รับวัคซีนมากขึ้น โดยปัจจุบันโรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบปกติ (On site) และมีนักเรียนเข้าเรียนในรูปแบบปกติ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเรียนในรูปแบบ online นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างประสานงานฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและเด็กนักเรียน