เชื่อมั่นความเป็นธรรม ข้าราชการทุกระดับพร้อมให้ความร่วมมือ
ตามที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงนามแต่งตั้ง ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดในโครงการ Safe Zone School (CCTV) 12 เขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบ่งเป็นโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 10 เขต และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2 เขต รวม 1,104 แห่ง ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 ในวงเงินงบประมาณ 405 ล้านบาท
หลังจากที่พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาทุจริต ศธ. ได้สรุปรายงานการตรวจสอบการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดในโครงการSafe Zone School (CCTV) ว่าการดำเนินโครงการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ในโครงการSafe Zone School มีการดำเนินการโดย 4 บริษัท พบว่าสิ่งที่โรงเรียนตรวจรับไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ ทีโออาร์ โดยในทีโออาร์ระบุว่า ระบบต้องมี License สามารถรองรับกล้องวงจรปิดได้ไม่น้อยกว่า 16 กล้อง แต่การตรวจสอบพบว่า มี License รองรับได้แค่ 6 กล้อง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ไม่ตรงกับที่ สพฐ.ได้รายงานมาถึงรมว.ศึกษาธิการ
ดังนั้น จึงได้ตั้งคณะกรรมการลงไปสืบข้อเท็จจริงว่า มีเหตุจูงใจอะไร ถึงได้ตีความว่าให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มี Licenseแค่ 6 ตัว จากทั้งหมดที่ต้องติดตั้ง 16 ตัว ทั้งนี้นพ.ธีระเกียรติ ก็ได้ฟันธงลงมาแล้วว่าจะต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นข้าราชการระดับ 11 ลงมา นั้น
ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)กล่าวว่า เรื่องนี้ยอมรับว่าได้ดำเนินในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการ กพฐ. และเท่าที่ทราบมีฝ่ายการเมืองหลายยุคเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการ ซึ่งตนก็เชื่อมั่นในกระบวนการสืบสวนสอบสวนว่าทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม หากกระบวนการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวตรงไปตรงมาและยุติธรรมแล้ว ผลสอบออกมารับรองว่าทุกคนต้องตะลึง
“ผมยืนยันในความบริสุทธิ์และอยากให้สอบสวนจนถึงที่สุด เพราะตอนนี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับไหน ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง”ดร.กมล กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ