ขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ในฐานะคนริเริ่มก่อตั้ง กยศ. กลับเห็นแย้งในแนวคิดของ “ภูมิใจไทย” เพราะเห็นว่าต้องเก็บดอกเบี้ยอัตราต่ำ เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในกองทุน ให้เด็กๆ รายใหม่ได้กู้เงินต่อไป
“เสี่ยตาล” สาทิตย์ระบุว่า เรื่องนี้เสียงในสภาส่วนใหญ่กลัวเสียคะแนนเสียงก็เอออวยตามไม่เก็บดอกเบี้ย
แต่ไม่ว่า “ประชาธิปัตย์” จะแถลงหรือแสดงจุดยืนอย่างไร สุดท้ายก็สู้มือ ส.ส.ของ “ภูมิใจไทย” และ “เพื่อไทย” ไม่ได้ เท่ากับว่าเรื่อง กยศ.เป็นอันจบไป ผู้กู้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นที่มีการวัดพลังกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล คือ “ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง” โดย “ภูมิใจไทย” เป็นเจ้าของเรื่อง และเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาเช่นกัน
ส.ส.ตรังรายนี้เผยว่า “กัญชาอันนี้มาแบบแรงสุดๆ เพราะจะเปิดเสรี แต่ทันทีที่ปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด ปั่นป่วนกันทั้งเมือง หมอ พยาบาล ครู นักการศึกษา พ่อแม่ ร้องระงม!! พอจะออกกฎหมายมาคุมก็ชักช้ากับกระบวนการ เด็กเยาวชนเสพกันสนุก ขายกันโต้งๆ เกลื่อนเมือง ไปดูกฎหมายที่จะเสนอสภาก็ดูยังหลวมๆ จนกลุ่มแพทย์ทำหนังสือค้านจ้าละหวั่น จับตางานนี้บางพรรคอาจเปลี่ยนใจไม่เอากัญชาเสรีแล้ว เช่นประชาธิปัตย์ ประชุมพรรคเสนอให้ทบทวนการปลดล็อกกัญชา!!!! และกฎหมายให้ถอนไปทบทวนใหม่!!!!!”
“สาทิตย์” บ่นส่งท้ายว่า กยศ.-กัญชา กลายเป็นเรื่องร้อน ระหว่างหลักการความถูกต้องกับความถูกใจ และการหาเสียงจะเอาไง โดยทั่วไปการหาเสียงด้วยการเสนอนโยบายสาธารณะมักจะระมัดระวังเรื่องประเภท 50:50 หรือหมิ่นเหม่ต่อผลกระทบทางสังคมมากๆ ที่สำคัญคือเรื่องที่ต้องห้ามแต่คนมักเผลอใจไปชอบ อย่างการพนัน ยาเสพติด หรือยกหนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ คนชอบมีมาก แต่ผลกระทบต่อส่วนรวมมหาศาล!!
มินนี่เมาธ์