เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 31 ก.ค. ที่ห้องจัดการกลางด้านล้มละบาย(ศุนย์บังคับคดีลัมละลายส่วนหน้า)ศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดีพร้อมคณะร่วม แถลงผลงานไตรมาส 3 ประจำปีงบประมาณ 2561 สรุปว่า สามารถผลักดันทรัพย์ (การขายทอดตลาด การระงับข้อพิพาท การไกล่เกลี่ย)ได้มูลค่ากว่า 35,857,767,821 บาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2560
“ขณะที่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดีในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณนี้สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 8,382 เรื่อง คิดเป็นทุนทรัพย์จำนวน 2,135,269,363 บาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ส่วนการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทร่วมกับก.ย.ศ.ตั้งแต่ ต.ค.60 – มิ.ย.61 มีเรื่องเข้าสู่การไกล่เกลี่ยรวมกว่า 8,114 เรื่อง ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 7,1581 เรื่อง รวมทุนทรัพย์ 880,022,556 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 88.22 ของเรื่องที่เข้าสู่การไกล่เกลี่ย” น.ส.รื่นวดี กล่าว
น.ส.รื่นวดี กล่าวถึง กรณี น.ส.วิภา บานเย็น ผอ.รร.แห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ที่มาร้องกรมบังคับดคี เป็นผู้ค้ำประกันให้ลูกศิษย์กู้ ก.ย.ศ.กว่า 60 คนนั้น ขณะนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ได้สั่งให้กรมบังคับคดีเข้าไปอำนวยความยุติธรรมให้ โดยขณะนี้กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว ก.ย.ศ.ต้องทำงานละเอียดมากขึ้นในการติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ให้ถึงที่สุดก่อน ถึงจะไปบังคับเอากับผู้ค้ำประกัน ก.ย.ศ.สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกหนี้ไม่ว่าจะเข้าไปทำงานในภาครัฐหรือเอกชนทุกหน่วยงานมีหน้าที่ต้องมอบข้อมูลทรัพย์สินและเงินเดือนของลูกหนี้ให้กับก.ย.ศ.ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการติดตามทวงถามลูกหนี้ให้กับก.ย.ศ.
“สำหรับภาพรวมการบังคับคดีหนี้ก.ย.ศ.ในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 61 พบว่า ก.ย.ศ.ได้ทำเรื่องขออายัดเงินเดือนจำนวน 8,384 คดี กว่า 900 ล้านบาท ตามกฎหมายใหม่ นายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชนมีหน้าที่ต้องหักเงินเดือนลูกจ้างที่เป็นหนี้ก.ย.ศ. โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในส่วนของกรมบังคับคดีขอนำร่องส่งเงินเดือนของข้าราชการให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อหักเงินเดือนผ่อนชำระให้กับก.ย.ศ. ขณะนี้มีประมาณ 200 คน นอกจากนี้ยังได้หารือกับกรมการปกครองโดยให้สำรวจข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่เข้าไปเซ็นรับรองและเซ็นค้ำประกันหนี้ก.ย.ศ.เพื่อเตรียมแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นกับน.ส.วิภาอีกด้วย” อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ