“หมอฟัน” เป็นอีกหนึ่งอาชีพในฝันของใครหลายคน
จุดเริ่มต้นของการเป็นหมอฟันของเจ้าของนามปากกา “หมอฟันน้อย” ทันตแพทย์รุทาปกร อินทร์เสวก หรือ หมอปอ ศิษย์เก่าวิทยาลัยทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ก็เช่นเดียวกัน
หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เขาตัดสินใจเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนหมออย่างที่หวังไว้ ซึ่งถือเป็นความโชคดีที่ค้นพบตัวเองว่า ความถนัดและความชอบของเขาคือ ทันตแพทย์ แต่กว่าจะเป็นหมอฟันนั้น “หมอปอ” ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เราไปทำความรู้จักเขากันเลยดีกว่า…
หมอปอ จบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี หลังจากนั้นตัดสินใจที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ตามความมุ่งหวังของครอบครัว แต่กลับไม่ได้เรียน และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเรียนทันตแพทย์
หมอปอ เล่าว่า จุดเริ่มต้นไม่ได้อยากเรียนทันตแพทย์ แต่อยากเรียนแพทย์
“ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่เราจับพลัดจับผลูได้มาเรียนทันตแพทย์ ก็ค้นพบว่าจริงๆ แล้วความถนัดและความชอบของเรามันคือทันตแพทย์ ผมว่าคนที่อยากเรียนหมอหรือทางการแพทย์ทุกคนเราจะชอบชีววิทยา ชอบเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ ระบบร่างกายต่างๆ ซึ่งในขณะนั้นคณะทันตแพทยศาสตร์ ม.รังสิต เปิดสอบ ผมก็มาลองดู เมื่อได้ศึกษาข้อมูลของคณะทันตแพทย์แล้วก็รู้สึกว่า วิชาทันตแพทย์มีเสน่ห์ตรงที่ว่าไม่ได้เรียนทางการแพทย์อย่างเดียว มันมีวิทยาศาสตร์และศิลปะรวมอยู่ในนั้นด้วย”
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของหมอปอเริ่มต้นขึ้นที่ ม.รังสิต แม้ว่าจะเป็นช่วงชีวิตที่หนักสำหรับการเรียนและการทำกิจกรรมควบคู่กัน แต่เขาสามารถบริหารทั้งสองสิ่งได้อย่างลงตัว
“ตอนนั้นเป็นการแบ่งเวลาที่ต้องมีวินัยในการเรียนค่อนข้างมาก เพราะการเรียนก็หนักกิจกรรมก็เยอะ ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนทันตแพทย์ในหลายมหาวิทยาลัย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ส่วนที่หนักสุดๆ จะเป็นช่วงการเรียนคลินิกซึ่งต้องทำคนไข้ เป็นช่วงเวลาที่ผมเชื่อว่านักศึกษาทันตแพทย์ทุกคนต้องรู้สึกแบบเดียวกันก็คือ มันกดดันทั้งด้านวิชาการและกดดันทางด้านคลินิกที่เราจะต้องพยายามรักษาคนไข้ให้ออกมาดีที่สุด เราทำงานกับคนไข้จริง ซึ่งเราจะต้องรักษาเขาออกมาให้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ”
หลังจากเรียนจบทันตแพทย์ หมอปอ ไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี อยู่ประมาณเกือบสองปี เขารู้สึกว่าความรู้ที่ตัวเองมีนั้นยังไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจเรียนเฉพาะทางด้านทันตกรรมจัดฟัน ที่ประเทศไต้หวัน
หมอปอได้มีโอกาสไปเรียนต่อทันตกรรมจัดฟัน โดยได้ทุนการศึกษาตลอดการเรียน นับเป็นเรื่องที่โชคดีมาก การเรียนจัดฟันที่ประเทศไต้หวันใช้เวลา 3 ปี เป็นหลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้านควบกับปริญญาโท ซึ่งปอจบทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมจัดฟัน และปริญญาโททางด้านทันตกรรมจัดฟันมาจาก มหาวิทยาลัยฉางกัง (Chang Gung University) ประเทศไต้หวัน
หลังจากที่เรียนเฉพาะทางจบแล้ว ก็ได้มีโอกาสมาเป็นอาจารย์ประจำ มาสอนนักศึกษาทันตแพทย์ ที่ ม.รังสิต จนถึงปัจจุบัน ควบคู่กับการเริ่มต้นธุรกิจคลินิกทันตกรรมภายใต้ชื่อ “We Smile Dental Clinic” หมอปอ เล่าว่า เราเริ่มรู้สึกว่าทำงานมาระยะหนึ่งแล้วอยากมีธุรกิจที่เป็นส่วนตัว จึงหุ้นกับเพื่อนเปิดคลินิกที่เน้นทางด้านทันตกรรมจัดฟัน ที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ ด้วย เป็นทันตกรรมแบบครบวงจร ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ล่าสุดหมอปอแอบกระซิบว่า มีโปรเจ็กต์ที่กำลังจะเขียนใหม่ นั่นคือ พ็อกเก็ตบุ๊ก ข้อคิดดีๆ จากความคิดลบ ด้วยเหตุผลที่ว่า “โดยปกติแล้วส่วนใหญ่คนจะเขียนเกี่ยวกับทัศนคติดีๆ ให้มองโลกในแง่ดี แต่จริงๆ แล้วผมว่าโลกเรามีสองด้าน มีทั้งด้านบวกและด้านลบ จริงๆ ด้านลบไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเพียงแต่ว่าเราจะสามารถที่จะเอาด้านลบมาใช้ประโยชน์อย่างไร ก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและกำลังเขียนอยู่ คิดว่าอยากจะให้เสร็จในเร็วๆ นี้เหมือนกัน แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก”
“สุดท้ายอยากฝากถึงน้องๆ ที่สนใจเรียนทางด้านนี้ว่า การเป็นหมอฟันไม่ใช่แค่การเรียนเก่งอย่างเดียว การมีจิตใจที่มีคุณธรรม มีเมตตากับคนไข้ที่เมื่อเราจบไปแล้วคือสิ่งที่สำคัญ ก็อยากจะฝากไว้ว่า เราเป็นหมออย่านึกถึงแค่เกียรติของวิชาชีพที่เราจะจบไป แต่ให้นึกถึงว่าเราจะจบไปช่วยคนอย่างไรด้วยครับ”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ