พิษโควิด-19 กระทบการศึกษา กสศ.-ยูเนสโก-ยูนิเซฟ ระดมพันธมิตร 11 ประเทศ จัดประชุมแก้ปัญหาการศึกษายุคโควิด ลดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นฟูการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพครู
วันที่ 19 ตุลาคม 2564 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ, มูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี, องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization – UNESCO) องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย, องค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization – SEAMEO) และ Save the Children
เปิดเวทีระดมมุมมองและความคิดเห็นในระดับภูมิภาคในงาน “การประชุมวิชาการระดับภูมิภาคเพื่อครูและความเสมอภาคทางการศึกษา: ปวงชนเพื่อการศึกษา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เร่งหาทางออกลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ฟื้นฟูการเรียนรู้ให้นักเรียน พร้อมจับมือผู้นำการศึกษา 11 ประเทศ ผลักดันแนวทางสนับสนุนศั
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ที่ปรึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า จากการติดตามผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาการศึกษาที่น่ากังวลที่สุดคือ ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ โดยหากขาดการเรียนการสอนไปนานขึ้น ทักษะที่หายไปจะเป็นทักษะด้านคณิตศาสตร์ ด้านภาษา และที่สำคัญคือทักษะการอยู่ร่วมในสังคม
ผู้ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาของเด็กรองจากพ่อแม่คือคุณครู ครูหนึ่งคนอาจสอนเด็กได้นับหมื่นคน ดังนั้น ครู คือบุคคลที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แต่ในปัจจุบันบทบาทของครูต้องเปลี่ยนไป เพราะหากเด็กไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ครูจะต้องเป็นผู้ที่เข้าหาเด็ก นำการเรียนรู้ไปให้
จากการสำรวจจากธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทยระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 สร้างผลกระทบให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ โดยการปิดสถานศึกษาส่งผลให้เด็กกว่า 369 ล้านคน จากจำนวนประชากรเด็ก 375 ล้านคนทั่วโลกได้รับผลกระทบ ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มีเด็กที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 50 ล้านคน
รายงานจาก OECD ร่วมกับคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า การศึกษาทางไกลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ความรู้ของเด็กสูญหายไปราว 50% หรือเท่ากับเวลาประมาณครึ่งปี โดยในประเทศไทยมีเด็กไทยเพียงแค่ 57.8% ที่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ และในบรรดาเด็กนักเรียนที่ยากจนที่สุด มีเพียง 57% เท่านั้นที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ขณะเดียวกันข้อมูลของงานวิจัยหัวข้อความท้าทายในการเรียนรู้ออนไลน์ของนักเรียนในช่วงการระบาดใหญ่ และวิธีการรับมือ: กรณีศึกษาของฟิลิปปินส์ (โดย Jessie S. Barrot, Ian I. Llenares และ Leo S. del Rosario) ระบุว่า ในประเทศอินโดนีเซียมีเด็กกว่า 34.5% ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนทางไกล และในช่วงที่สถานศึกษาปิดตัวลงหรือปรับไปเป็นรูปแบบออนไลน์ มีนักเรียนฟิลิปปินส์อย่างน้อย 1.1 ล้านคนไม่ได้ลงทะเบียนในปีการศึกษาล่าสุดที่ผ่านมา
ดังนั้น โจทย์ข้อใหญ่ในการจัดงานประชุมครั้งนี้คือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถของ “ครู” เพื่อหาทางออกถึงการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาท่ามกลางความท้าทายในยุคโควิด-19 ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับท้องถิ่น ซึ่งในงานประชุมครั้งนี้ จะได้เห็นตัวอย่างที่น่าสนใจของแต่ละประเทศในการปรับตัวและพัฒนาการเรียนการสอนในยุคโควิด-19 ผ่านการพัฒนาครู
ดร.กฤษณพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมวันที่ 29 ตุลาคม จะเริ่มด้วยพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 4 ปี 2564 โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ให้กับสุดยอดครูทั้ง 11 ประเทศในอาเซียนและติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตลูกศิษย์และมีคุณูปการต่อวงการศึกษา
และทรงปาฐกถาพิเศษแก่ผู้เข้าร่วมประชุมระดับภูมิภาคเรื่อง “การทรงงานในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และการพัฒนาครูและสถานศึกษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
สำหรับวันที่ 30 ตุลาคม จะเป็นเวทีระดมผู้นำทางนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ครูดีเด่นจากประเทศต่าง ๆ ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ในหัวข้อสำคัญ อาทิ บทเรียนที่ได้จากการทำงานของประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในช่วงโควิด-19 กรณีศึกษาและนวัตกรรมทางการศึกษา วิธีการรับมือกับความรู้ถดถอยของนักเรียน ระบบสนับสนุนครูเพื่อรับมือกับปัญหา กลยุทธ์การจัดการวิกฤตการเรียนการสอนระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ เช่น
การเรียนการสอนในประเทศที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย พื้นที่สงคราม หรือพื้นที่วิกฤตที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอน การสนับสนุนครูอย่างเป็นระบบผ่านสถาบันพัฒนาครูของประเทศสิงคโปร์ รวมถึงมุมมองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ และญี่ปุ่น เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social-emotional learning) ประเด็นการศึกษายุคใหม่ โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุม ได้ที่ www.afe2021.eef.or.th