“สมศักดิ์”เผยผลหารือ จนท.จรรยาบรรณ ชี้เข้าข่ายประพฤติตนไม่เป็นแบบอย่าง ไม่มีวินัย ไม่ถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาตฯ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ควบคู่กับพิจารณาของศาล คาดลงพื้นที่สัปดาห์หน้า
วันที่ 2 มี.ค.2561 ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา แถลงข่าวกรณีศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี และนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ใน3ข้อหา ประกอบไปด้วยแจ้งความเท็จ, ให้การเท็จ ต่อพนักงานสอบสวนทำให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และความผิดอื่นๆ ในคดีหวย 30 ล้าน ว่า
ขณะนี้ครูปรีชามี 2 สถานะ คืออยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อีกสถานะคือเป็นสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู กับทางสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ซึ่งมีกฎหมายกำกับดูแล ที่เรียกว่าจรรยาบรรณวิชาชีพ ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ซึ่งกำหนดข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีโทษ ตั้งแต่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตฯ และเพิกถอนใบอนุญาตฯ
คุรุสภาได้หารือกับเจ้าหน้าที่จรรยาบรรณ พบว่า 3 ข้อกล่าวหาของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เป็นข้อสรุป และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เองก็ยังไม่ทราบว่าหวยเป็นของใคร ดังนั้น คุรุสภา จะไปดูว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใด ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบความผิดที่เข้าข่ายข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ คือ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ค้าประเวณี พฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการกระทำล่วงละเมิดทางเพศทั้งต่อนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาและบุคคลอื่น ถูกฟ้องคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หรือทุจริตต่อหน้าที่ มีโทษตั้งแต่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตฯ และเพิกถอนใบอนุญาต
ซึ่งหากผิดในกรณีทั้งหมดนี้ เลขาธิการคุรุสภา สามารถเสนอพักใช้ใบอนุญาตฯ ชั่วคราวได้ 60 วันทันที
“กรณีครูปรีชาเมื่อผมได้ทราบข่าว ก็ได้หารือกับสำนักจรรยาบรรณวิชาชีพและนิติการ ว่าเข้าข่ายความผิดใด ซึ่งครูปรีชา ยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้ถูกตัดสิน แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูทั้ง 3 ข้อหา แม้ศาลตัดสินแล้ว ก็ยังไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ไม่ถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาตฯ แต่จะไปเข้าข่ายในเรื่องการประพฤติตนไม่เป็นแบบอย่าง ไม่มีวินัย ดั้งนั้น จะใช้อำนาจเลขาธิการคุรุสภา ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ควบคู่ไปกับพิจารณาของศาล
ทั้งนี้ หากคณะกรรมสืบสวนฯ พบว่า ข้อกล่าวหามีมูลจะเสนอต่อคณะกรรมการคุรุสภา ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้น ผมจะกำชับให้ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ ลงพื้นที่ภายในสัปดาห์หน้า”นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะต้องรอคำสั่งศาล และนำคำสั่งศาลมาพิจารณาว่ามีความผิดขาดคุณสมบัติความเป็นครูหรือไม่ ซึ่งหากมีความผิดร้ายแรงถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตฯ ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติความเป็นครูโดยอัตโนมัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สพฐ.ในฐานะต้นสังกัด สามารถตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ควบคู่กับการพิจารณาของศาล ได้หรือไม่ นายบุญรักษ์ กล่าวว่า คงยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องรอให้คำตัดสินของศาลเป็นที่สิ้นสุดก่อน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ