การสร้างสรรค์ผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและประเทศชาติ เป็นหนึ่งในพันธกิจของคณาจารย์ นักวิจัยและนิสิตในมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนางานวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้ได้จริงสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
“เสื้อเกราะกันกระสุน จามจุรี” ผลงานของ อัฐวุฒิ ผลาสินธุ์ นิสิตปริญญาโทหลักสูตรวิศวกรรมและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เป็นหนึ่งในผลงานวิจัยจากฝีมือนักวิจัยไทยที่ผ่านการศึกษาวิจัยและทดสอบแล้วว่าได้มาตรฐาน ราคาถูกกว่าเสื้อเกราะที่นำเข้าจากต่างประเทศ ที่สำคัญเป็นงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้ส่งมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเร็วๆนี้
รศ.ดร.เสกศักดิ์ อัสวะวิสิทธิ์ชัย ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยถึงที่มาของการพัฒนาเสื้อเกราะกันกระสุน “จามจุรี” ว่า ภาควิชาฯ ได้ศึกษาวิจัยเรื่องเกราะกันกระสุนในรูปแบบต่างๆ มาหลายปีแล้ว
สำหรับเกราะกันกระสุน “จามจุรี” ลักษณะเป็นเสื้อเกราะสำหรับให้คนสวมใส่ ซึ่งมีที่มาจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเหตุการณ์ประท้วงต่างๆ ซึ่งมีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ เป้าหมายของการวิจัยจึงมุ่งพัฒนาเสื้อเกราะกันกระสุนที่ใช้วัสดุในประเทศที่หาง่าย มีราคาถูก เนื่องจากเสื้อเกราะกันกระสุนที่นำเข้ามีราคาแพงมาก
“เสื้อเกราะกันกระสุนที่ทำจากแผ่นเหล็กหนาๆ ก็สามารถกันกระสุนได้ แต่น้ำหนักจะมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่สะดวกเวลาวิ่งหรือเดิน เสื้อเกราะกันกระสุนที่ดีมีประสิทธิภาพต้องบาง เบา และราคาถูก ส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาแพง ตัวละ 20,000 บาทขึ้นไป ทำจากวัสดุเคฟลาร์และอายุใช้งานจำกัด เพียง 5 ปี ประสิทธิภาพจะลดลงเหลือ 60%
ที่ผ่านมามีหลายมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยที่ทำเสื้อเกราะกันกระสุนแต่ราคายังคงสูงอยู่ เกราะกันกระสุนที่จุฬาฯ พัฒนาขึ้นนั้นมีราคาถูก เพียง 5,000 – 6,000 บาทเท่านั้น ที่สำคัญคือมีคุณภาพ สามารถป้องกันกระสุนได้ตามมาตรฐาน โดยผ่านมาตรฐานการทดสอบ NIJ ของสหรัฐฯ ในระดับ 2A สำหรับปืนพกขนาดเล็กทั่วไป ซึ่งเหมาะกับการใช้งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” รศ.ดร.เสกศักดิ์ กล่าว
สำหรับวัสดุที่ใช้นั้น รศ.ดร.เสกศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า เป็นวัสดุในประเทศทั้งหมด ทำให้มีราคาถูก ประกอบด้วยวัสดุผสม 3 ชนิด ได้แก่ แผ่นเหล็กกล้าไร้สนิม แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ และแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งขอรับบริจาคแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ที่ใช้แล้วจากโรงพยาบาล
ในการผลิตเสื้อเกราะจะเน้นให้ใช้วัสดุน้อยที่สุด ทำให้ได้เกราะที่บางที่สุด น้ำหนักน้อยที่สุด ต้นทุนก็จะต่ำที่สุด แต่ต้องสามารถกันกระสุนได้ตามมาตรฐาน โดยมีการทดสอบโดยใช้ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ ผ่านการทดสอบวิจัยเชิงลึกด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีความถูกต้องในการทดสอบด้วยโมเดลถึง 95% เป็นจุดเด่นงานวิจัยเสื้อเกราะกันกระสุนจามจุรี
“เราไม่อยากจะทำงานวิจัยที่ขึ้นหิ้ง งานวิจัยนี้นอกจากจะตีพิมพ์ในงานวิชาการระดับนานาชาติแล้ว เราอยากจะนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง” รศ.ดร.เสกศักดิ์ เผยถึงเหตุผลที่นำเสื้อเกราะกันกระสุน จามจุรีไปมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งต่อให้ สน.ปทุมวัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปใช้ปฏิบัติงานในสถานการณ์จริง เป็นการลดความเสี่ยง เพิ่มความอุ่นใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายอัฐวุฒิ ผลาสินธุ์ นิสิตปริญญาโทหลักสูตรวิศวกรรมและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ผู้วิจัยคิดค้น “เสื้อเกราะจามจุรี” เปิดเผยว่า เสื้อเกราะที่มอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10 ชุด ใช้งบฯจัดทำเฉพาะค่าวัสดุไม่เกินตัวละ 3,000 บาท
ขั้นตอนเริ่มจากนำแผ่นเหล็กมาดัดโค้งให้สอดรับกับตัวเสื้อและสรีระ จากนั้นจึงนำแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์และฟิล์มเอกซเรย์มาประกบกัน โดยใช้กาวพิเศษให้วัสดุติดประสานกัน ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ใช้เวลา 2 วันต่อหนึ่งตัว ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือ วิธีการทำให้วัสดุต่างๆ ยึดติดกันดี แผนงานในอนาคตจะต่อยอดหาวัสดุอื่นเพื่อพัฒนาเสื้อเกราะให้กันกระสุนได้ในระดับความรุนแรงที่สูงขึ้น เพิ่มขีดความสามารถให้ทหารได้ใช้งานได้ด้วย
รศ.ดร.เสกศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเสื้อเกราะกันกระสุนที่พัฒนาขึ้นมานั้นได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลา 6 เดือน – 1 ปี และนอกจากงานวิจัยที่เกี่ยวกับความมั่นคง เช่น เสื้อเกราะกันกระสุน หรือเกราะป้องกันกระสุนในรูปแบบอื่นๆ ที่หลากหลายแล้ว
ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจที่นำมาประยุกต์ในเชิงอุตสาหกรรม เช่น โฟมโลหะ ซึ่งเป็นโลหะน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง การผลิตชิ้นส่วนที่ทำจากผงโลหะ เป็นต้น
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ