สหภาพแรงงานองค์การค้าฯฟ้องร้องเงินเดือนขออายัด96ล้านบ.
วันที่ 5 ม.ค.60 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนจะเชิญ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา(สกสค.) และดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของ สกสค. มาหารือเพื่อรับทราบนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาใน สกสค. มีเรื่องที่ค้างอยู่หลายเรื่อง เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริต การดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องดูความคืบหน้า และรายละเอียดกันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนมีนโยบายชัดเจนคือการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องรับผิด
“ผมจะดูแลการแก้ปัญหาทุจริตของ ศธ.ในภาพรวมเองโดยจะตั้ง พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจริต ศธ.แทน พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งท่านมีภาระงานในจังหวัดภาคใต้ค่อนข้างมาก”
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า นโยบายตนชัดเจนคือต้องไม่มีแหล่งทำมาหากินใน ศธ.อย่างเด็ดขาด ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ให้กรอบกว้างๆ ว่าต้องไม่แก้ปัญหาแบบเดิม ๆ คือให้ครูกู้เงินใหม่ ซึ่งเท่ากับไม่ได้แก้ปัญหา และเท่าที่ทราบช่วงที่ผ่านมา ศธ. พยายามช่วยเหลือครูที่มีหนี้สิน และมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจริง ๆ ก่อน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดี โดยตนจะสรุปข้อมูลและรวบรวมวิธีปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อดูว่ามีแนวทางอะไรใหม่ๆ ที่จะช่วยแก้ไขดังกล่าวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ปรับเงินเดือนข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ ในปี 2547 ปี 2548 และปี 2550 รวม 3 ปี แต่บอร์ด สกสค.ซึ่งเป็นนิติบุคคลขณะนั้นไม่ได้ปรับเงินเดือนเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ แต่ปรับให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ สกสค. จึงเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องให้มีการขึ้นเงินเดือนและให้จ่ายย้อนหลัง
โดยล่าสุดนายลอยศักดิ์ คมกฤษ ทนายความผู้ฟ้องและบังคับคดี กล่าวว่า ขณะนี้โจทก์ได้บังคับคดี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาว่าให้สิทธิเรียกร้องของจำเลย ที่มีต่อบุคคลภายนอกตกอยู่ภายใต้การบังคับคดี โดยสหภาพแรงงานองค์การค้าฯ ได้ขออายัดเงิน สกสค.จากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 96 ล้านบาท และเป็นรายบุคคลขออายัด อีก 77 ล้านบาท และกำลังทยอยอายัดเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเงินทั้งหมดที่ สกสค.จะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ประมาณ 1,200 ล้านบาท ดังนั้นสิ่งที่ สกสค.จะต้องดำเนินการตอนนี้คือทำอย่างไรจะให้มีผู้มาบังคับคดีน้อยที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องได้
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ