ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะบอร์ดอีอีซี ไฟเขียว สัญญท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F จ่อชง ครม.เห็นชอบ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 เวลา ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC ครั้งที่ 3/2564 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยที่ประชุมมีการพิจารณาประเด็นที่สำคัญ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในพื้นที่ EEC การพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC การพัฒนาพื้นที่และชุมชน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในพื้นที่ EEC โดยเน้นดึงดูดกลุ่ม EU และประเทศที่มีศักยภาพให้มาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
รวมทั้งการศึกษา การวิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ พร้อมเร่งรัดดำเนินการเรื่องที่ยังติดค้างให้อยู่ให้สำเร็จภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยและสอดคล้องกับสถานการณ์การยกระดับเศรษฐกิจของต่างประเทศในปี 2565
ทั้งนี้ รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน โดยยังเร่งรัดฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายและยืนยันวัคซีนมีเพียงพอสำหรับฉีดให้กับประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งในกลุ่มแรงงานซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังเน้นการใช้ศักยภาพทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยกรทางพืชเกษตรที่ไทยมีอยู่จำนวนมาก ให้มอบ อว. กับหน่วยงานวิจัย ช่วยวิจัยพัฒนาแปรรูปพืชผลทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าพืชเกษตรให้สูงขึ้น แก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดและตกต่ำ
รวมทั้งให้ขยายโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EEC) ไปสู่ทางด้านธุรกิจประมง ทั้งการจัดห้องเย็นให้เพียงพอและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของสิ้นค้าต่าง ๆ ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
นายธนกรกล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการรับทราบและเห็นชอบวาระสำคัญ อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F ที่ประชุมเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด ของโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
นอกจากนี้ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. 2566 – 2570) ในส่วน โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EEC) ที่ประชุมเห็นชอบให้ สกพอ.ศึกษาการจดตั้งบริษัทเพื่อบริหารโครงการ EFC เพื่อขับเคลื่อนโครงการ ฯ ตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมถึงเห็นชอบ แผนพัฒนาเมืองพัทยาตามแนวทาง NEO PATTAYA เพื่อขยายผลสู่การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเห็นชอบ ให้ “โครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง2 ฯ เป็น 1 ในโครงการ EEC Project List มอบหมายให้ สธ.และ สกพอ.ร่วมกันเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ
นายธนกรกล่าวว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรียังชื่นชมม. บูรพาพัฒนา ที่มีศูนย์การผลิตยาจากสารสกัดพืชสมุนไพร วิเคราะห์ยาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยขอให้มีการวิจัยพัฒนาแปรรูปพืชสมุนไพรให้มากขึ้น กำหนดเป้าหมายและโจทน์ให้ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารสกัดจากพืชสมุนไพรที่มีมูลค่าสูงเช่นเดียวกับที่ต่างประเทศดำเนินการ
“นายกรัฐมนตรี ย้ำทุกคนดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยในช่วงนี้ซึ่งอยู่ในสถานการณ์การกแพร่ระบาดโควิด-19 และช่วยกันดูแลประชาชน ทำงานทุกอย่างด้วยความระมัดระวังรอบคอบเพราะหลายเรื่องเป็นที่จับตามองและสังคมให้ความสนใจ”
รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F ให้รับข้อสังเกตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการดำเนินการ และให้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎระเบียบและข้อกฏหมายที่มีอยู่อย่างถูกต้อง