“ชลน่าน” ย้ำ กก.บห.ยังไม่เคาะชื่อ “เศรษฐา” แคนดิเดตนายกฯ “วีระกร” จี้ “ประยุทธ์-ประวิตร” รีบเคลียร์ให้ชัด เลือกตั้งหน้าใครนำ กระทุ้ง “บิ๊กตู่” รีบมาสมัครสมาชิกพรรค อย่าทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว เผย พปชร.ไม่ขอปรับ ครม. “หัวหน้าฮาย” ชูแก้ปัญหาชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า “อ้ายยุทธ” ขอเป็นนั่งร้านให้ลูก
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเตรียมเปิดตัว นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พท. ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.ว่า ยังไม่มีความชัดเจน พรรคยังไม่มีการพูดคุยกันเลย ส่วนจะมีการพูดคุยในช่วงเวลาใดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการ ย้ำว่าคณะกรรมการบริหารพรรค รวมถึงทีมยุทธศาสตร์ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ทั้งนี้ นพ.ชลน่านได้กล่าวติดตลก พร้อมแซวผู้สื่อข่าวกลับว่า “ผมเห็นมีเพียงแค่แหล่งข่าวกล่าวว่าเท่านั้น ผมคงต้องไปถามอีกทีหนึ่ง เขาช่วยเปิดตัวตลอดเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พท. นพ.ชลน่านตอบว่า แคนดิเดตนายกฯ จะมีกระบวนการ แต่ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะเริ่มพูดคุยกันในขั้นสุดท้ายเมื่อไหร่อย่างไร ต้องดูสถานการณ์การเลือกตั้งเป็นหลัก
เมื่อถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าชื่อของนายเศรษฐา ซึ่งเป็นนักธุรกิจจะสามารถขายได้ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะประชาชนอาจจะชอบนายกฯ อีสาน หรือคนของตระกูลชินวัตรมากกว่า หัวหน้าพรรค พท.ระบุว่า ต้องดูกระแสตอบรับจากพี่น้องประชาชน เพราะมิติทางการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน หากกระแสตอบรับดูมีความเป็นไปได้ก็เป็นไปได้สูง ทั้งนี้ การตอบรับในภาคธุรกิจค่อนข้างดี แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะยังไม่รู้จัก ต้องไปดูในส่วนนั้นก่อน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พท. ว่า พรรคยังไม่ได้มีการกำหนดถึงขั้นนั้น เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน และต้องมีกระบวนการ กก.บห. ยังไม่ได้มีการนำเสนอถึงเรื่องแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เลขาธิการพรรค พท.ปฏิเสธว่า ตอบไม่ได้ เพราะจะเป็นการชี้นำ ต้องเป็นรูปแบบความเห็นของ กก.บห. และแจ้งไปยังพรรครวมถึง ส.ส.ด้วย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้รู้รายละเอียดมาก แต่ระบอบประชาธิปไตยดีอยู่แล้ว สุดท้ายขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้ามีตัวเลือกเยอะๆ ยิ่งดี ประชาชนจะได้มีตัวเลือกและเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตนว่าดีที่มีคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้หลากหลาย ไม่ว่าจะพรรคไหน แต่ถ้ามีคนที่น่าสนใจเสนอมา โดยหากแต่ละพรรคเสนอมา 3 คนยิ่งดี จะมีจำนวนให้คนตัดสินใจให้มากขึ้น
เมื่อถามว่า ได้ลาออกจากแคนดิเดตแล้วหรือยัง นายชัชชาติกล่าวว่า ลาออกอย่างไร ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ตอนนี้เราเน้นที่ กทม.เป็นหลัก
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะปรับหรือไม่ปรับ ครม.ก็มีผลเท่าเดิม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้นเอง ที่สำคัญตราบใดที่นายกฯ ยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วไม่จำเป็นต้องยุบสภา เพราะจะยุบหรือไม่ยุบก็ไร้ประโยชน์ อายุสภาเหลืออีกเพียงแค่ 5 เดือน ดังนั้นเชิญอยู่กันตามสบาย อยากอยู่ก็อยู่ไป ประชาชนรอการเลือกตั้งครั้งใหม่เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ และการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นคำตอบให้รัฐบาลชุดนี้ ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ทำมาทั้งหมด ตอบโจทย์ประชาชนหรือไม่
เรียก ‘บิ๊กตู่’ มาสมัคร พปชร.
นายสมคิดยังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคที่ปรากฏชื่อนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า เป็นรายชื่อที่คาดการณ์กันไว้ แต่อย่าเพิ่งไปตื่นเต้นอะไร เพราะอาจจะมีคนอื่นเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพิ่มเติมอีกก็เป็นได้ เพราะพรรคมีบุคลากร คนที่มีความรู้ความสามารถอยากเข้ามาร่วมงานกับพรรคจำนวนมาก ดังนั้นขอให้ใจเย็นๆ พท.เสนอแคนดิเดตนายกฯ ครบ 3 ชื่อแน่ๆ
นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับ ครม. ว่า พปชร.จะไม่ขอปรับ เพราะพรรคเราไม่ค่อยวุ่นวาย จึงไม่มีความเคลื่อนไหวภายในพรรค แม้ว่าความจริงสมาชิกบางคนจะอยากเป็นรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว คนจะมาเป็นรัฐมนตรีคงจะลำบาก จึงไม่เป็นแรงกดดันอะไรมากมาย ดังนั้น พปชร.น่าจะไม่ขอให้ปรับ ครม. เพราะหากเกิดการปรับจะยุ่งที่คนนั้นได้เป็นคนนี้ไม่ได้เป็น คงจะมีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคเดียวที่ปรับให้นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เข้าไปเป็น รมช.มหาดไทยแทนนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย
นายวีระกรกล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธาร มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พท.นั้น ตนเห็นว่าไม่จริงหรอก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คงจะมีลูกเล่น ดังนั้น จึงยังไม่มีความแน่นอน ตอนนี้เป็นแค่การโยนหินถามทาง ปล่อยข่าวลวงกันไปตามเรื่องตามราว จึงคิดว่ายังไม่จริงจังอะไร
เมื่อถามว่า แกนนำ พท.ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนทั้งสองคน น่าจะเป็นความชัดเจนหรือไม่ นายวีระกรตอบว่า พรรคนี้อยู่ที่นายทักษิณคนเดียว คนอื่นที่พูดก็พูดไป เพราะนายทักษิณจะมีการหักมุมในช่วงใกล้เลือกตั้ง เป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดตัวชิงนายกฯ ก่อนหน้ายุบสภาและเลือกตั้งไม่กี่เดือน นายทักษิณมองไว้แล้วว่าจะเอาใคร น.ส.แพทองธารอาจจะอยู่ในใจ แต่พรรษาทางการเมืองยังไม่ได้ ส่วนนายเศรษฐาไม่มีความเด่นอะไรมากมาย
ซักว่า พปชร.จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงใด นายวีระกรกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะพูดคุยกันเมื่อใด เราได้ส่งสัญญาณว่าต้องรีบคุยกันแล้ว ท่านก็ยังเงียบ จะไปเอาใกล้ๆ ถึงหน้างานว่าจะเอาใครเป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะตอนนี้เงื่อนไขชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ 2 ปี ดังนั้น จะต้องเลือกว่าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ
ส.ส.นครสวรรค์รายนี้ยอมรับว่า พปชร.อ่อนในเรื่องของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะหากจะให้ประชาชนหวังในพรรคก็ต้องมีแกนนำด้านเศรษฐกิจหรือมือเศรษฐกิจที่ประชาชนไว้ใจ และเชื่อมั่นเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกคนหนึ่งให้เต็ม 3 รายชื่อ ไม่ชอบคนนั้นก็อาจจะชอบคนนี้ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจและเรียกความนิยมให้กับพรรคมากขึ้น
ต่อข้อถามว่า พปชร. มือเศรษฐกิจที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้แล้วใช่หรือไม่ นายวีระกรบอกว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้เพราะประเทศไทยหาคนเด่นเรื่องเศรษฐกิจยาก จะเป็นระดับข้าราชการ หรือจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่มีใครเด่น ภาคเอกชนไม่มีใครเด่น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องสรรหาคนที่ใช้ได้และประชาชนฟังแล้วโอเค เราดูแล้วต้องรีบหา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ใครจะต้องเป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 และเบอร์ 2 นั้น จะต้องพูดคุยกันตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้แล้ว เพราะเหลือเวลาอีก 5-6 เดือน ต้องคุยกันให้จบ อย่าเกรงใจกันไปเกรงใจกันมา ต้องรีบสร้างความมั่นใจเดี๋ยวนี้ และรีบประกาศนโยบายพรรค
“พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรีบเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค พปชร.โดยด่วน จะมายืนอยู่อย่างนี้ไม่ได้ อย่าไปเที่ยวยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ท่านจะต้องลงมาช่วย พปชร. มาเป็นสมาชิกพรรค มาเป็น กก.บห. ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อช่วยกันเขียนนโยบาย โดยเรียกประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งผมที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการฯ จะตั้งใจเขียนนโยบายให้โดนใจประชาชน เพราะเราเป็น ส.ส.และนักการเมืองที่อยู่กับประชาชนตั้งแต่เกิด เรารู้ว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ทหารไม่มีความเข้าใจ ดังนั้น นโยบายที่ออกมาอาจจะไม่โดนใจประชาชน แม้จะบอกว่าทำดีที่สุดแล้วแต่กลับไม่โดนใจชาวบ้าน” นายวีระกรระบุ
ปชป.โวได้ ส.ส.ด้ามขวานเพิ่ม
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชายแดนภาคใต้ แจ้งว่า ปชป.ได้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 จังหวัดชายแดภาคใต้เกือบครบ 100% เหลือเฉพาะเขต 2 จ.ยะลา จ.นราธิวาส เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเระ, เขต 2 นายเมธี อรุณ, เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ, เขต 4 นายไซลี เจ๊ะหามะ และเขต 5 นายเจะอามิง โตะตาหยง ส่วน จ.ปัตตานี เขต 1 นายสนิท นาแว, เขต 2 นายมนตรี ดอเลาะ, เขต 3 นายยูนัยดี วาบา, เขต 4 นายนาวี หะยีดอเลลาะ ขณะที่ จ.ยะลา เขต 1 นายประสิทธิชัย พงษ์สุวรรณศิริ, เขต 3 นายณรงค์ ดูดิง ยังเหลือเขต 2 ที่กำลังทำโพลอยู่ คาดว่าในเดือน ต.ค.ได้ว่าที่ผู้สมัคร และ จ.สตูล เขต 1 นายซอบรี หมัดหมาน, เขต 2 นายเกตุชาติ เกศา
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 4 จังหวัด 14 เขต ตนเป็นผู้ดูแล มีคนแสดงตัวขอลงสมัคร ส.ส.เขตละหลายคน ซึ่งล้วนมีคุณภาพ จึงยากในการตัดสินใจเลือก จึงต้องมีการทำโพลเพื่อให้ได้คนที่ประชาชนต้องการให้เป็นตัวแทนประชาชนดีที่สุด มีคุณภาพ ขณะนี้ได้ตัวผู้สมัครเกือบครบ 100% แล้ว
รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวด้วยว่า ตนได้ประชุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 จังหวัดทั้งใหม่และเก่าไปแล้ว ให้แนวทางในการหาเสียง โดยเน้นให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เดินเข้าหาประชาชน เพื่อนำเอาผลงานของพรรคชี้แจงที่สัมฤทธิผล โดยเฉพาะนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตรและการประชาสัมพันธ์เชิงรุกมีเครือข่ายโซเชียลกลุ่มเป้าหมายทุกหมู่บ้าน มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นจากปี 62 จำนวน 1 คนแน่นอน
เมื่อวันศุกร์ ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อชาติ จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรคเพื่อชาติโฉมใหม่ เพื่อชาติ (นี้) ไม่ต้องรอชาติหน้า โดยเป็นการเปิดตัว น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ รวมถึง กก.บห. คณะทำงาน และทีมนโยบายของพรรคชุดใหม่ มีผู้เข้าร่วมงานเต็มหอประชุมประมาณ 5,000 คน
น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติให้ความสำคัญกับการศึกษา นักเรียนอาชีวะ เมื่อจบแล้วเงินเดือนควรได้ 15,000 บาท ไม่น้อยกว่าคนที่เรียนจบสายสามัญ การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ต้องให้ความสำคัญ ยกตัวอย่างนักกีฬา กศน.ควรมีระบบการศึกษาที่มาดูแลในส่วนนี้ เรามีความฝันว่าคนไทยทุกคนต้องได้เรียนฟรี ทุกที่ ทุกเวลาผ่านเทคโนโลยี ดาวเทียมต้องเป็นดาวเทียมเพื่อการศึกษาแห่งชาติ ไม่ใช่ดาวเทียมเพื่อเจ้าสัว เป็นความฝัน แต่ต้องเริ่มที่สิ่งใกล้ตัว กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ต้องไม่มีดอกเบี้ย เพื่อเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้คนในชาติไปแข่งขันกับนานาชาติ
หัวหน้าพรรคเพื่อชาติระบุว่า เราต้องลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพื่อเศรษฐกิจที่เป็นธรรมในชาตินี้ด้วยกัน ไม่ใช่อธิษฐานในชาติหน้าได้เกิดในประเทศที่เห็นทุกคนเท่าเทียมกันมากกว่านี้ ได้มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ พรรคเพื่อชาติจะทำเพื่อเราทุกคนในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า และไม่ต้องย้ายประเทศหนีไปไหน
จากนั้น น.ส.ปวิศรัฐฐ์ได้แนะนำ กก.บห.ในนามทีมทำเพื่อชาติทั้ง 18 คนขึ้นบนเวที โดยเป็นที่สังเกตว่า ทีมเพื่อชาติทุกคนต่างพับขากางเกงด้านซ้ายขึ้นทุกคน เพื่อเป็นการสื่อความหมายถึงความเหลื่อมล้ำในประเทศและพรรคเพื่อชาติจะเข้ามาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
น.ส.ปวิศรัฐฐ์ให้สัมภาษณ์ถึงภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อชาติที่สลัดออกจาก พท.ว่า ต้องการทำแบบนั้น พรรคเพื่อชาติคือพรรคเพื่อชาติ ต้องการลบภาพจำเดิมๆ ภาพจำใหม่ของเราคือการสร้างความหวังให้คนในชาติ ทุกคนในชาติต้องเดินต่อไปด้วยกัน สำหรับความหมายของคำว่าชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า มีความหมายว่าแม้แต่ชาตินี้ก็รอไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ตนเข้ามาพัฒนาการเมือง
เพื่อชาติขอสลัดภาพ พท.
เมื่อถามว่า จุดยืนที่ว่าจะสลัดภาพพรรคพี่พรรคน้องได้หรือไม่ และทำให้ผู้สนับสนุนเราเปลี่ยนใจหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติตอบว่า เชื่อในเสรีภาพของทุกคน เลือกในสิ่งที่เราชอบ และเลือกในสิ่งที่เป็นความหวังที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น เพราะฉะนั้นอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจขึ้นอยู่กับประชาชน เรามีหน้าที่นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อชาติวางเป้าหมายสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร น.ส.ปวิศรัฐฐ์ เผยว่า ตั้งเป้าหมายว่า ต้องได้ ส.ส. และคะแนนเสียงมากกว่าเดิม เป็นภูเขาลูกเล็กๆ คือเป้าหมายของพรรคเพื่อชาติรูปแบบใหม่ ตั้งเป้าหมายทั่วประเทศไม่ใช่แค่ภาคใดภาคหนึ่ง เราไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ ไม่เป็นพรรคชั่วคราว ไม่ใช่พรรคสำรอง และไม่ใช่พรรคของภูมิภาคใด ภูมิภาคหนึ่ง แต่เป็นพรรคของคนในชาติ ตั้งใจส่งให้ครบทุกเขต และตอนนี้กำลังตั้งตัวแทนพรรค และสาขาพรรค ให้ครบถ้วนตามกฎหมายทั่วทุกเขต
เมื่อถามถึงจุดยื่นประชาธิปไตยของพรรคเพื่อชาติยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ยืนยันว่า การทำรีแบรนด์และการทำแบรนด์โมเดล เรายึดมั่นในประชาธิปไตย ความเสมอภาค เท่าเทียม เมื่อถามว่า พื้นที่ จ.เชียงราย เคยเป็นพื้นที่ของนายยงยุทธ หวังพื้นที่นี้มากน้อยเพียงใด หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ตอบว่ากล่าวว่า เรามีศักยภาพ และความเป็นไปได้ในหลายเขต ตั้งเป้าหมายไว้สูง น่าจะมีหลายเขตที่ทำได้ และมองว่าจะไม่เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพรรคใด เราประกาศตั้งแต่วันแรกว่าพรรคเพื่อชาติต้องเป็นตัวจริง เราต้องสู้เต็มที่ ทำอย่างไรก็ตามทุกวิถีทางเพื่อได้ลงสนาม
ต่อข้อถามว่า จะไม่มีปัญหาระหว่างบ้านติยะไพรัช และบ้านเตชะธีรวัฒน์ ที่จะเป็นการสู้กันเองในพื้นที่หรือไม่ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า ในจ.เชียงราย ก็มีหลายบ้าน ดังนั้น พรรคเพื่อชาติ จะไม่แข่งกับตระกูลใดหรือพรรคใด แต่เราจะแข่งกับทุกพรรค เพื่อเป็นตัวจริงของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวางแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ได้มีการวางแคนดิเดตนายกฯไว้ ขอให้ติดตาม ซึ่งแคนดิเดตนายกฯจะเป็นคนอื่น เพราะปีนี้อายุยังไม่ถึง และพรรคเพื่อชาติได้มีการทาบทามแคนดิเดตนายกฯไว้แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับตัวท่านด้วย ส่วนจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน ขณะนี้มีการเทียบเชิญแค่ 1 คน จากทั้งหมด 3 คน
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และบิดาของ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า ไม่มีแรงจูงใจทำงานการเมืองในสภาฯ จะเป็นเพียงผู้สนับสนุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้เขาเข้ามารับวัฒนธรรม และนวัฒกรรมใหม่ๆ นำพาประเทศต่อสู่กับประเทศต่างๆ เป็นเพียงนั่งร้านคอยอำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่ และจากการทำงานร่วมกันกับผู้บริหารพรรค แนวทางของพรรคจะแตกต่างจากการเมืองเดิม
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อชาติถูกมองเป็นพรรคพี่พรรคน้องพรรคสำรอง นายยุงยุทธ ปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นพรรคสำรองพรรคพี่พรรคน้อง แต่มีแนวทางของตัวเองในการพัฒนาประเทศ หากตนอยู่ในพรรคอาจเกิดข้อสงสัยได้ แต่ผู้บริหารชุมใหม่มีแนวทางของตัวเอง และประชาชนจะตัดสินเอง อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าจะไม่ลงสมัครส.ส. ไม่เป็นครูใหญ่ ไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ไม่เป็นกำนัน ถ้าไม่ตายซะก่อน จะช่วยทำงานสัก 10 ปีก็หมดหน้าที่แล้ว
เมื่อถามถึงพื้นที่ทับซ้อนกับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ ตอบว่า พื้นที่เราไม่ทับซ้อน เพราะนโยบายของเราต่างจากพรรคอื่นโดยสิ้นเชิง ยกเว้นเรื่องการเมืองที่มีค่านิยมประชาธิปไตยเหมือนกัน
ซักว่า เชียงรายเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักหรือไม่ นายยงยุทธ ย้ำว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เดิมของตน แต่คงต้องถามผู้บริหารพรรคปัจจุบันให้เขาคุยกัน ตนมีหน้าที่ป้อนประสบการณ์.