ถกว่าที่ปลัดศธ.หาทางออก-ฉุดปฏิรูปศธ.ในภูมิภาคขึ้นจากหล่ม
ตามที่ชมรม ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักบริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประเทศไทย ได้เสนอประเด็นการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค และการปฏิรูปการศึกษา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามมาตรา 54 และมาตรา 258 (จ) ต่อคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระ และผู้มีอำนาจ ในการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ข้อ 13 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรา 53 ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ซึ่งระบุผู้มีอำนาจ สั่งบรรจุ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งทำให้ครูเกิดความสับสนว่า ใครคือผู้บังคับบัญชา ระหว่าง ผอ.โรงเรียน ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เนื่องจากผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย มิได้ใช้อำนาจตามมาตรา 53 อาจเกิดความด้อยประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา การกำกับ ติดตาม และส่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ซึ่ง เป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงของการทำงานในพื้นที่จังหวัดที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายนั้น
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) คนใหม่ กล่าวว่า ตามหลักการการมีองค์กรภายนอกเข้ามาดูเรื่องนี้ถูกต้องแล้ว แต่ที่มีความขัดแย้งในขณะนี้คืออำนาจตามมาตรา 53 ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าการสั่งบรรจุ แต่งตั้ง ซึ่งที่จริงแล้วไม่ได้หมายความว่า ใครจะมีอำนาจกว่าใคร และในอนาคตอาจจะแก้ไขให้ชัดเจนกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้หารือกับนายการุณ สกุลประดิษฐ ว่าที่ปลัด ศธ.คนใหม่ ในฐานะกำกับดูแลคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) ศึกษาธิการภาค(ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ.มาก่อน จะทราบดีว่าความยุ่งยากและปัญหาอยู่ตรงไหน ซึ่งเราจะมาหารือกันเพื่อหาทางออกเห็นพ้องต้องกันได้อย่างไร ก็จะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน แต่ทั้งนี้จะไม่กระทบกับมาตรา 44 คำสั่งที่ 19/2560 ข้อที่ 13 อย่างแน่นอน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ