“หมอธี” เผย ป.ป.ท.ร่วมตรวจสอบเงินกองทุนเสมาฯ ปลัด ศธ.ส่งหนังสือเวียนเช็คย้อนหลังทุกบัญชี-ทุกกองทุน เผย 15 มี.ค.ถก ปปง.เส้นทางเบิกจ่ายเงิน-อายัด 22 บัญชี ประสานสถาบันการศึกษาขอข้อมูลครู-นร.ทุนหาทางเยียวยา ด้านอาชีวะเช็คการโอนงบฯจากส่วนกลางถึงวิทยาลัย
วันที่ 14 มี.ค.2561 นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือสั่งการถึงฝ่ายตรวจสอบภายในของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ให้ตรวจสอบทุกบัญชี ทุกกองทุนฯ ส่วนมีกี่กองทุนฯ ยังไม่ทราบรายละเอียดอยู่ระหว่างการตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด ส่วนที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของบัญชีก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีบุคคล 22 ราย ในฐานะสนับสนุนผู้กระทำความผิด ในการโอนเงินจากสำนักงานปลัด ศธ.แล้ว กระบวนการในส่วนนี้ก็ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม นพ.ธีระเกีรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้กำชับให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง และประสานกับทุกหน่วยงานดำเนินการตรวจสอบกองทุนต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่า ศธ. เอาจริงกับการแก้ไขปัญหาทุจริต
– ปปง.ขอข้อมูลเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ-อายัด22บัญชี
“ในวันที่ 15 มี.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะมาประชุมร่วมกับผมเพื่อขอข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของกองทุนเสมาฯ โดยเฉพาะกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณที่ผ่านมาเป็นแบบใด รวมถึงกรณีที่ ศธ.ไปแจ้งความกับเจ้าของบัญชีทั้ง 22 ราย ปปง.ก็จะเข้ามาช่วยดูเรื่องดำเนินการอายัดทรัพย์ เพื่อนำทรัพย์กลับคืนมายังกองทุน ส่วนการดำเนินการทางวินัยข้าราชการระดับ 8 ทางนิติกรกำลังอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อเสนอให้ อ.ก.พ.สป. ซึ่งมีปลัด ศธ.เป็นประธาน พิจารณาโทษทางวินัย ซึ่งกรณีนี้มีโทษวินัยร้ายแรงแน่นอนมีโทษไล่ออก หรือปลดออก โดยขณะนี้ข้าราชการระดับ 8 เวลานี้ยังปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สป.ศธ.ส่วนกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงอีก 4 ราย ก็ยังดำเนินการต่อไป”
– ขอหลักฐานครู-เด็กทุน หาทางเยียวยา
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้จะดูเรื่องมาตรการเยียวยา โดยขอให้กลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และกลุ่มโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ นำหลักฐานมาแสดงว่าได้รับเงินหรือไม่ เบื้องต้นเฉพาะปี 2560 พบว่ามีครู 53 ราย ที่ใช้เงินกองทุนเสมาฯ จ้าง ซึ่งครูอาจทำการสอนโดยที่อาจจะไม่ได้รับเงินหรือได้รับช้า โดยจะจัดทำแบบฟอร์มให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปตรวจสอบ รวมถึงประสานงานกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 31 แห่ง ขอข้อมูลว่ามีเด็กทุนกี่รายได้รับเงินครบทุกปีหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลในการสืบข้อเท็จจริงและเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนเสมาฯ เพื่อพิจารณาหามาตรการเยียวยาทั้ง 2 กลุ่มต่อไป
-ขยายผลอาจมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า
“การรวบรวมข้อมูลค่อนข้างต้องใช้เวลา เพราะเรื่องนี้ทำมานานนับ 10 ปี ส่วนข้อมูลที่มีเวลานี้ เป็นของปี 2560 ที่มีการสุ่มตรวจสอบเจอ ส่วนสาเหตุที่ทำไม 10 ปี ไม่เคยตรวจพบว่ามีการแอบโอนเงินเข้าบัญชีอื่น ซึ่งไม่ใช่บัญชีผู้รับทุนนั้น ไม่ใช่ไม่มีการตรวจสอบ เพราะทุกปี ศธ.มีการตรวจสอบทุกกองทุน เพียงจะใช้วิธีการสุ่มตรวจบัญชี เช่น กองทุนมี 100 บัญชี สุ่มตรวจ 10 บัญชี เป็นต้น แต่ปีนี้กองทุนเสมาฯ สุ่มตรวจสอบพบข้อผิดปกติ ว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่น จึงทำการตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง 100% ทำให้พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งตรวจสอบปี 2560 เบื้องต้นมีผู้เกี่ยวข้อง 5 ราย แต่ปีอื่นๆ จะมีผู้เกี่ยวข้องอีกกี่ราย ทางคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต้องลงไปขยายผลลงไป เพราะแต่ละปีระดับเจ้าหน้าที่อาจจะมีการสลับเปลี่ยนกัน”นายการุณ กล่าว
– ป.ป.ท.รับเรื่องร่วมตรวจสอบ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานที่มีปัญหาทุจริตเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยจะส่งทีมเข้ามาร่วมตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทราบว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รับแล้วว่าจะเข้ามาร่วมตรวจสอบ เช่นเดียวกับทาง ป.ป.ง.ก็จะมาร่วมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และที่ผ่านมา ศธ.ได้ให้ประสานตั้งแต่มีการตรวจสอบพบทุจริต โดยเฉพาะทาง ป.ป.ง.จะเข้ามาร่วมตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ทั้งนี้ หากแม้มีปิดบัญชีหนีก็สามารถติดตามเส้นทางการเงินไปได้ มีกระบวนการตามกฎหมายดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ ศธ.พยายามเดินหน้าโดยเร็ว
– อาชีวะเช็คการโอนงบฯ ไปวิทยาลัย
ด้าน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียดว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีกองทุนใดอยู่ในการดูแลหรือไม่ เพื่อรวบรวมรายงานต่อ นพ.ธีระเกียรติ ตามที่ได้สั่งการ เบื้องต้นทราบว่า สอศ.ไม่การจัดตั้งกองทุน รวมถึงให้ตรวจสอบเรื่องกระบวนการโอนเงินงบประมาณจากส่วนกลางไปยังวิทยาลัยด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ จะมีการตรวจสอบเข้มข้น ทั้งตรวจสอบภายใน การประชุมให้เครือข่ายที่วางระบบการตรวจสอบให้รัดกุม ให้การทำงานเป็นไปอย่างโปร่งใส
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ