เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.61 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา2560 – 2561 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5รอบ 2เมษายน2558มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) อ.เมือง จ.มหาสารคาม
ในการนี้ นายปัญญา ถนอมรอด นายกสภา มมส เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาความหลากหลายทางชีวภาพ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากพระราชกรณียกิจด้านอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพนานัปการ ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณ พระวิริยะอุตสาหะอันสูงยิ่ง และพระราชจริยวัตรอันเพียบพร้อมสมบูรณ์ส่งผลให้การพัฒนางานอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งล้วนเป็นงานที่ยากและต้องใช้เวลาต่อเนื่องยาวนานนั้น เกิดบรรลุผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ มีพระสงฆ์เข้ารับพระราชทานรางวัลพระธาตุนาดูน ทองคำ คือพระสุทธิธรรมโสภณ (สุทธิพงศ์ ชนุตฺตโม)ประเภทผู้ทำคุณประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ รศ.สีดา สอนศรี เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ รวมทั้งนพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เข้ารับพระราชทานรางวัลพระธาตุนาดูนทองคำ ประเภทบุคคลดีเด่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาขาวิชาชีพ) นายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ และพระราชทานรางวัลเชิดชูเกียรตินักวิจัยดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แก่ ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ไชยสงค์
สำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในปีนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น7,939คน ประกอบด้วย ระดับปริญญาเอก 155 คน ปริญญาโท 388คน และปริญญาตรี 7,396 คน
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราโชวาท ความว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหาสารคามในวันนี้. ขอแสดงความชื่นชมต่อผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกท่านที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ.
บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย มีความรู้และความสามารถพร้อมแล้ว ย่อมกระตือรือร้นใฝ่ใจที่จะประกอบอาชีพการงานสร้างสรรค์ความสำเร็จ. แต่เมื่อออกไปทำงานจริงอาจจะพบว่า งานที่ต้องปฏิบัตินั้นเป็นงานหนัก งานยาก งานใหญ่ ดูจะเกินกำลังความสามารถ ที่จะปฏิบัติให้สำเร็จได้. บัณฑิตจึงจำเป็นต้องมีความอดทน และมีความศรัทธา. ความอดทนจะช่วยให้คนเราไม่ย่อท้อหรือหวั่นไหวต่อปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนความยากลำบากในการทำงาน. ส่วนความศรัทธาเชื่อมั่นว่าวิชาการเป็นเครื่องมืออย่างสำคัญสำหรับใช้ปฏิบัติงาน จะช่วยให้คนเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาวิชาการ และติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะทำงานให้สำเร็จ. จึงขอให้บัณฑิตทั้งหลายพยายามฝึกฝนความอดทนและปลูกฝังความศรัทธาที่ถูกต้องดังกล่าวมานี้ แล้วตั้งใจปฏิบัติงานทุกอย่างโดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถ. ถ้าทำได้ ความสำเร็จในการประกอบอาชีพการงานที่ทุกคนปรารถนา ก็จะเป็นจุดมุ่งหมายที่อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตใหม่มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและหน้าที่การงาน ทั้งขอให้ทุกคนที่มาร่วมในพิธีนี้ มีความสุขสวัสดีจงทั่วกัน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ