หมอธี คาดสรุปสารพัดปัญหาทุจริต ศธ.ได้สิ้นเดือน เม.ย.นี้ ฟัน‘วิโรฒ’เซ่นแป๊ะเจี๊ยะสามเสนฯ เตรียมตั้งกรรมการสืบสวนฯ ทุจริตอะควาเรียมสงขลา
วันที่ 2 เม.ย.2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ, นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) และนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นใน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
โดย นพ.ธีระเกียรติ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายวิโรฒ สำรวล ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรณีคลิปจ่ายเงินแลกที่นั่งเรียนเพื่อได้เข้าเรียนในชั้น ม.1 ปีการศึกษา 2560ได้รายงานผลสอบอย่างไม่เป็นทางการ ว่านายวิโรฒ มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีโทษไล่ออก-ปลดออก ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วัน จะสามารถสรุปรายงานเสนอให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กรุงเทพมหานคร นำเข้าสู่การพิจารณาโทษอย่างเป็นทางการ และระหว่างที่รอการประชุมของ กศจ. ตนจะใช้มาตรการการปราบปรามและป้องปรามการทุจริต ของ คสช.ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าหากเมื่อปรากฏข้อเท็จจริง ว่ามีมูลผิดวินัยอย่างร้ายแรง หัวหน้าส่วนราชการก็สามารถสั่งการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าจบอย่างตรงไปตรงมา รอเพียงมติจากการประชุม กศจ. ที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รมว.ศึกษาธการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการอินเตอร์เน็ตกระทรวง Moenet นั้น คาดว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจะได้ข้อสรุปภาย ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ จากนั้นตนจะตั้งกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือน เม.ย.นี้จะได้ข้อสรุป ทั้งนี้หลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หาไม่ยาก โดยตั้งแต่ปี 2553 กระทรวงการคลัง (กค.) กำหนดให้อินเตอร์เน็ตเป็นสาธารณูปโภค ที่จะต้องมีการแข่งขันอย่างเสรี ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบว่า การเช่าสัญญาณมีการแข่งขันอย่างเสรีหรือไม่ และใครเป็นผู้ดำเนินการขอสัญญาณ ซึ่งโดยหลักการโรงเรียนควรจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งถ้าไม่ดำเนินการ ก็ถือว่ามีความผิดทางวินัย
-เตรียมตั้งกก.สืบสวนฯทุจริตอะควาเรียม
ขณะที่ความคืบหน้าการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรืออะควาเรียม ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) นั้น นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า พบความผิดปกติใหญ่ ๆ 2อย่างคือโครงการนี้ควรจะดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2553 แต่ไม่เสร็จ และในปี 2557 มีการต่อสัญญาเรื่อย ๆ รวมถึงมีการแก้ไขสัญญาถึง 6ครั้ง มีการเบิกเงินล่วงหน้า โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่โดยทางคณะกรรมการตรวจสอบฯ ยืนยันว่า จะสรุปข้อมูลได้ไม่เกินสัปดาห์นี้ จากนั้นจะตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือน เม.ย.นี้ จะได้ข้อสรุป
ขณะที่กรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ส่งเรื่องให้ ศธ.ตรวจสอบ กรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 15 (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) ใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 62 ล้านบาท ก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ของ 11 โรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ถูกย้ายออกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรการของคสช. อย่างเคร่งครัด
“ส่วนกรณีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ใน โครงการ Safe Zone School 12 เขตพื้นที่การศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,104 แห่ง นั้น เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ทางศธ. จึงได้ส่งข้อสรุปให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว”
-ปิดจ๊อบคดีตั๋วสัญญา 2,500 ล้านบาท
นพ.ธีระเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่นำเงินจำนวนมหาศาลถึง 2,500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญา กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี นั้น ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกผู้บริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ จำนวน 2 ราย คนละ 10ปี พร้อมริบของกลาง ส่วนอดีตคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ของกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ทาง ศธ. ได้ลงโทษไล่ออกจากราชการ แล้ว 6ราย ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดทั้งวินัยและอาญา อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย รวมถึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบละเมิด และได้ข้อสรุปชี้มูลว่ากรรมการกองทุนฯ มีความผิด โดยจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ ส่วนใครจะต้องรับผิดชอบในสัดส่วนเท่าไรนั้น ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบ ดังนั้นถือว่า กรณีของบริษัท บิลเลี่ยน ฯ จบสิ้นกระบวนการทุกอย่าง
ทั้งนี้ นพ.ธีระเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีเด็กผีในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดมานานหลายปีแล้ว ซึ่งตนก็พอทราบเรื่องบ้างแล้วจากพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ที่รายงานว่าสามารถตามเงินคืนกลับมาได้มากแล้ว และกำลังไล่จับส่วนที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อีกทางเช่นกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะตั้งได้ภายในวันสองวันนี้ อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นมีทั้งเรื่องเงิน ความมั่งคง อาวุธ ด้วย ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้แถลงน่าจะตรงประเด็นกว่า
-สพฐ.จ่อเชือด41ขรก.
ด้าน นายบุญรักษ์ กล่าวในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีการทุจริตที่ได้รับร้องเรียนพบว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง แล้ว 41 ราย ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะมาพิจารณาว่า ใครที่จะต้องถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนบ้าง หรือย้ายออกจากตำแหน่งบ้าง และมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวน จำนวน 9 ราย ถ้ามีมูลจะดำเนินการตามมาตรการ คสช. คือให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากตำแหน่งหรือให้ย้าย โดยข้อมูลนี้เฉพาะส่วนกลาง รวมทั้งสิ้น 50 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน และการประพฤติผิดต่อหน้าที่ มีตั้งแต่ซี9 ผอ.สำนัก, ผอ.สพท. 6 ราย นอกนั้นเป็น ผอ.โรงเรียน ครู และบุคลากรในเขตพื้นที่ ส่วนการตรวจสอบปัญหาการทุจริตต่าง ๆ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ตนขอให้เร่งดำเนินการ และรายงานให้สพฐ.รับทราบ
“กรณีของนายวิโรฒ เมื่อได้รับรายงานผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงอย่างเป็นทางการ ก็สามารถดำเนินการตามมาตรการของ คสช.ได้คือ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ โดยไม่ต้องรอการพิจารณาของ กศจ.กทม.” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ