นพ.ธีระเกียรติ เผยตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด ตรวจสอบโยงใยถึงใครก็ต้องร่วมรับผิดชอบชดใช้คืนกองทุนฯเสียหายกว่า 100 ล้าน หากคิดว่าไม่ยุติธรรมก็ฟ้องศาลปกครอง ด้าน “การุณ” เผยมติ อ.ก.พ.สป.ไล่ออก”ซี8″
วันที่ 26 มี.ค.2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 และพวกรวม 5 ราย ยักยอกเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตโอนเงินค่าเล่าเรียนเด็กเข้าบัญชีตัวเอง พรรคพวก และญาติพี่น้อง ตั้งแต่ปี 2551-2561 รวม 10 ปี กว่า 88 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดพบว่ามีเงินหายเพิ่มอีกประมาณ 30 กว่าล้านบาท ในปี 2550, 2551 และ2553 รวมเป็นเงินที่หายกว่า 100 ล้านบาท และพบว่ามีการเบิกจ่ายซ้ำซ้อน
ว่าขณะนี้ได้แต่งตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยการตรวจสอบจะเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งจะบอกว่าใครต้องรับผิดชอบเท่าไร การตรวจสอบความผิดทางละเมิด ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย แต่เป็นการตรวจสอบเชื่อมโยงไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแม้จะไม่ได้ร่วมในการทำความผิดด้วย แต่ถือว่ามีความบกพร่องในฐานะที่มีหน้าที่ดูแลเส้นทางการเงิน ก็ถือว่ามีความผิดทางละเมิดด้วย เพราะฉะนั้นถ้าผู้บริหารคนใดเกี่ยวข้องในช่วงไหนก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ส่วนจะต้องชดใช้คนละกี่เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งความผิดละเมิดเท่าที่เข้าใจสามารถดำเนินการตรวจสอบและเรียกเงินให้ชดใช้ได้ทันที ส่วนฝ่ายที่ถูกเรียกให้ชดใช้เงิน หากเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็สามารถฟ้องศาลปกครองได้
“ขณะนี้การสอบสวนยังไม่ได้เปิดเผยว่าเชื่อมโยงไปที่ใครบ้าง ขั้นตอนการตรวจสอบต่าง ๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการของ ปลัด ศธ. ซึ่งผมขอย้ำว่าเรื่องนี้ต้องเอาจริงเอาจัง เพราะเวลาเรามองเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ต้องมองไปข้างหน้า แต่การมองไปข้างหน้า เหมือนเรือ ถ้ามีรูรั่วมันก็จะรั่วไปเรื่อย ๆ จนมันจม และเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ซึ่งแค่ตรงนี้อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอุดรูรั่วแก้ไขปัญหาทุจริตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทราบว่าได้มีการเข้าไปค้นบ้านนางรจนา เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการสาวต่อ ตรวจสอบเครือข่ายโยงใย เพราะ ป.ป.ท.คิดเหมือนกันกับผมคือไม่เชื่อว่าทำคนเดียวได้นานถึง 10 กว่าปี”
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวและว่า สำหรับการลงโทษทางวินัยนางรจนา นั้น ผลน่าจะเป็นไปตามที่คาดกันไว้ ซึ่ง ศธ. ก็ทำเต็มที่แล้วกับสิ่งที่ต้องดำเนินการ เรื่องสำคัญตอนนี้คือ การขยายผลและการปราบปราม โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำตลอดให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสเข้ามาไม่ต้องกลัว เพราะเราดูแลท่านเช่น กรณีการตรวจสอบทุจริตในโรงเรียนเอกชน ที่พบว่ามีการสร้างนักเรียนล่องหน หรือนักเรียนผี เพื่อรับเงินอุดหนุนรายหัวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) นั้นตนได้การข่าวมาหลายทาง อยากให้ทุกคนร่วมมือกัน เพราะ ศธ.คงไม่สามารถปราบได้หมด ต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการ มีการปราม และขอให้ใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน ซึ่งตนได้สั่งการไปในหนังสือคำสั่งฉบับหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบทุจริต ให้ตรวจสอบระบบบัญชี เส้นทางการเงินให้โปร่งใส ทำบัญชีให้มีความเป็นสากลและตรวจสอบได้ ต้องมีการข่าวที่ดีว่าจะไปตรวจสอบใคร ไม่ใช่ว่าต้องมาไล่ถาม ส่วนผู้ที่มีหน้าที่โอนเงินเวลาผ่านมา 10 ปี ก็ต้องรู้ว่าใครเป็นคนรับเงิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบว่าโยงใยไปถึงใครด้วย
มติ อ.ก.พ.สป.ไล่ออก”ซี8″
ด้านนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (อ.ก.พ.สป.) ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนางรจนา เป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐาน ไม่ปฎิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการมติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้น การปฎิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82(2) มาตรา 83(1) มาตรา85 (1) (4) และ (7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการลงโทษข้าราชการผู้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร.0205/ว234 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2536 จึงมีมติให้ลงโทษไล่นางรจนา สินที ออกจากราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้สำนักงานปลัด ศธ. จะทำคำสั่งตามมติ อ.ก.พ.สป. เสนอผู้มีอำนาจลงนามคำสั่ง เพื่อแจ้งให้หน่วยงาน และนางรจนา รับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งจากนี้ไปจะมีการเชื่อมโยงกับ ปปง. ให้ยึดทรัพย์ และ ป.ป.ท.ให้ดำเนินการเรื่องของคดีอาญา ทั้งนี้โทษวินัย ไล่ออก จะส่งผลให้ไม่ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ ต้องคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และถอนชื่อในราชกิจจานุเบกษา
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ