ม.ขอนแก่น ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ประเทศเพื่อนบ้าน หวังร่วมพัฒนางานวิชาการและเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มประเทศ CLMV
นายสุรพล เพชรวรา กรรมการสภามหาวิทยาผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ชิลี เผยว่า ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มข. ได้ติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด พบว่า มข.ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตชาวอีสานได้ดีขึ้นจริง ผ่านหลากหลายโครงการวิจัย อาทิ โครงการแก้ไขปัญหาสาธารณสุข และการศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อลดความเหลี่อมล้ำทางสังคม โครงการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังฯ โครงการพัฒนาการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียง โครงการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
เชื่อมั่นว่าองค์ความรู้จาก มข.จะไม่เพียงช่วยให้คุณภาพชีวิตของชาวอีสานดีขึ้น แต่ยังหมายรวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเพื่อนบ้านในทุกภูมิภาคใกล้เคียงให้ดียิ่งขึ้นด้วย การจัดโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (CLMV : Cambodia-Laos-Myanmar-Vietnam) หรือกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงมาก และประสบปัญหาหลายด้านใกล้เคียงกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ทั้งนี้ มข. สามารถนำเทคโนโลยีองค์ความรู้ที่มีอยู่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเป็นโอกาสที่มหาวิทยาลัยจะนำองค์กรทั้งด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ การรักษาโรคเฉพาะทาง เทคโนโลยีต่างๆ อาทิ การเกษตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ ห้องสมุดดิจิทัล คอมพิวเตอร์ ถ่ายทอดสู่ภายนอกไปยังประเทศดังกล่าวเพื่อเป็นการพัฒนาธุรกิจ สร้างเครือข่ายทั้งด้านวิชาการ และพัฒนาภูมิภาคนี้ร่วมกันอย่างยั่งยืน
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองอธิการฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี มข. กล่าวว่า ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกไปเผยแพร่ยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ต่างได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ ทั้งนี้ นอกจาก มข.จะมีความพร้อมด้านวิชาการแล้ว ยังมีความพร้อมด้านศักยภาพบุคลากร ทั้งอาจารย์และนักศึกษา ที่พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีสู่ภายนอกไปยังประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายทั้งด้านวิชาการ และธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างชื่อเสียงของ มข.ให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
น.ส.ภรภัทร มีอภิรักษ์ นักศึกษาชั้นปี 4 สาขากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มข. กล่าวว่า การเดินทางไปแลกเปลี่ยนวิชาชีพกับประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ คาดว่าจะได้นำความรู้ในห้องเรียน และประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาไปช่วยพัฒนางานด้านกายภาพบำบัด โดยเฉพาะในเรื่องของนักกายภาพกีฬา ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก โดยในประเทศไทยนับว่ามีความก้าวหน้ากว่าหลาย ๆ กลุ่มประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ เชื่อว่าตนจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างคุ้มค่าแน่นอน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ