30ก.ย.64-มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.)ในฐานะเจ้าภาพ นำโดย รศ.ดร.สมบัติ คชสิทธิ์นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มาอธิการบดี มบส. ร่วมกับ มูลนิธิมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งจัดงาน “ครบรอบ 129 ปี วันคล้ายวันสถาปนากรมการฝึกหัดครูและการสถาปนาการฝึกหัดครูไทย” เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยซึ่งได้รับเกียรติจาก ศ. พิเศษดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว) เป็นประธานในพิธี พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อพลังครูไทยในยุค New Normal ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ZOOM โดยมีผู้ร่วมประชุมทางออนไลน์ครั้งนี้ ประมาณ 2,000 คนประกอบด้วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการอาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา นักศึกษาระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษาและศิษย์เก่า มบส.
ศ.พิเศษ ดร.เอนก กล่าวว่าขอชื่นชมชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯผ่านการจัดการมายาวนานถึงร้อยกว่าปี และแม้ว่าสถานการณ์ โรคระบาดโควิด 19 จะทำการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในแบบ New Normalที่มักใช้เทคโนโลยีมาเป็น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แต่ตนคิดว่าเทคโนโลยีไม่สามารถมาทดแทนครูได้ ดังที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 ว่า “…สมัยนี้มีเทคโนโลยีสูง ทำให้สามารถที่จะทำกิจการโรงเรียนกิจการสั่งสอน แพร่ออกไปได้มากกว่าแต่ไม่มีอะไรแทนการอบรมไม่มีผู้ที่บ่มนิสัย…แม้จะมีเทคโนโลยีชั้นสูง แต่ว่าที่จะอบรมโดยใช้สื่อที่ก้าวหน้า ที่มีเทคโนโลยีสูงนี่ยากที่สุดที่จะอบรมบ่มนิสัยด้วยเครื่องเหล่านี้ฉะนั้นไม่มีอะไรแทนคนสอนคน…”
รมว.อว.กล่าวต่ออีกว่า ความสำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฎต่อระบบการศึกษาของไทยด้วยจุดแข็งด้านการสอน การศึกษา และมีความใกล้ชิดกับท้องถิ่นและชุมชนมหาวิทยาลัยราชภัฎจึงเหมาะสำหรับอยู่ในกลุ่ม การพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งเป็น1 ใน 6 กลุ่มสถาบันอุดมศึกษา ที่ อว.ได้แบ่งประเภทไว้ และได้มอบนโยบายให้นำจุดแข็งดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะประโยชน์ต่อท้องถิ่นและสังคม ซึ่งแม้ว่าประโยชน์ต่อท้องถิ่นและสังคมบางอย่างนั้น ไม่เหมาะในการนำมาเขียนเป็นตำราหรือทำเป็นงานวิจัยแต่ผลงานที่เป็นรูปธรรมในชุมชนพื้นที่อาจจะ มีประโยชน์มากกว่างานที่เป็นตำราหรือเป็นงานวิจัยเสียอีก
นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายที่ให้อาจารย์วิทยาลัยราชภัฎใช้ผลงานที่ทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนหรือพื้นที่ ผลงานด้าน ศาสนาและปรัชญา ผลงานศิลปะ งานสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการสอน มาขอตำแหน่งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์แทนการใช้ตำราหรืองานวิจัยในรูปแบบเดิมขณะนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางอว.จะจัดทำเกณฑ์และคู่มือในรายละเอียดเพื่อประกาศใช้ เห็นได้ว่าทั้งการแบ่งประเภทของมหาวิทยาลัย และการขอตำแหน่งทางวิชาการรูปแบบใหม่ล้วนเอื้อต่อความเจริญก้าวหน้าของ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
“ผมให้นโยบายว่าให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับได้ แต่ต้องใช้ชื่อมหาวิทยาลัยราชภัฎต่อไป ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็รับทราบและเห็นด้วยอย่างยิ่ง” รมว.อว. ระบุ
ด้าน ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา อธิการบดี มบส.ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งให้เป็นเจ้าภาพการจัดงานในปีนี้ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่าเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5ผู้ทรงสถาปนาโรงเรียนการฝึกหัด อาจารย์ ในปี พ.ศ. 2435และพระมหากรุณาธิคุณแห่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานนาม “ราชภัฏ” ในปีพ.ศ. 2535 และตราพระราชลัญจรซึ่งเป็นตราประจำ พระองค์ให้ป็นสัญลักษณ์ของสถาบันราชภัฏในปี พ.ศ. 2538และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏในปีพ.ศ. 2547 และเพื่อสืบสานวัฒนธรรมของการฝึกหัดครู รวมถึงรับฟังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับ แนวคิดและสาระสำคัญในบทบาทหน้าที่ของครูในสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ที่จะนำมาพัฒนาคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ของ มบส.ต่อไป
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่สำคัญ คือพิธีสงฆ์พิธีถวายเครื่องราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พิธีเปิดงาน และกิจกรรมเชิงวิชาการ โดยศ.ดร.พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาส วรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม อาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตสาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ รศ.ดร.สมบัติ คชสิทธิ์ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เจ้าพระยาเป็นประธานฝ่ายฆราวาส.