มหาวิทยาลัยมหิดลมอบรางวัล “มหิดลทยากร” ประจำปี 61 ให้แก่ ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้ให้การสนับสนุนวง Thailand Philharmonic Orchestra (TPO) มหาวิทยาลัยมหิดล จนมีชื่อเสียงระดับโลก
ทั้งนี้ ดร.สมศักดิ์ สำเร็จการศึกษา บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาดนตรีวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารทั่วไป มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
เป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยมหิดล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ที่ปรึกษาองค์กรต่างๆ ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มบริษัท จี สตีล หนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจโรงแรม ก่อสร้าง พัฒนาที่ดิน ตึก-อาคารให้เช่า อีกทั้งยังสนับสนุนกิจกรรมของภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย มูลนิธิและสังคมอย่างต่อเนื่อง
“ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นที่สุด รางวัลมหิดลทยากรถือเป็นรางวัลเกียรติยศ ที่มอบให้กับศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม ประกอบวิชาชีพเป็นผลสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ ผมรู้สึกภูมิใจตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ เริ่มตั้งแต่เป็นโรงพยาบาลศิริราช ปัจจุบันรวมอายุได้ ๑๓๑ ปี และได้รับพระราชทานนามว่ามหาวิทยาลัยมหิดลมา ครบ ๕๐ ปี
มหิดลปลูกฝังแนวคิดให้นักศึกษายึดหลักตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ ๙ คือ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์ โดยมิใช่มีเพียงผลิตบุคลากรด้านแพทย์อย่างเดียว ยังมีคณะที่ทำงานด้านสังคมอีกหลายคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่ผมได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดำเนินการและบริหารจัดการการก่อตั้งวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra; TPO) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งผมภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยดำเนินการอันเป็นประโยชน์ ที่ได้สนับสนุนมหาวิทยาลัยมหิดลมาโดยตลอด”
ดร.สมศักดิ์ กล่าวถึงหลักในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จว่า “การที่เราจะทำสิ่งใดนั้น สิ่งที่สำคัญคือเราต้องมีความรู้เรื่องที่เราจะทำนั้นอย่างแท้จริง มีเป้าหมายชัดเจน มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีระเบียบวินัย มีความอดทน ไม่ย่อท้อ มีความคิดสร้างสรรค์ มองโลกในมุมบวก ต้องซื่อสัตย์ เป็นคนดีมีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่น และที่สำคัญต้องมีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในยุคปัจจุบันแตกต่างจากสมัยก่อน คนรุ่นใหม่มีเครื่องมือมาช่วยในการทำงานได้มากและรวดเร็ว สามารถสื่อสารกันได้อย่างทันท่วงที มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามในการทำงาน ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคน
ผมมักจะบอกกับพนักงานร่วมแปดพันคนในกลุ่มบริษัทของผมเสมอว่า คนเราต้องทำงานเป็นทีม ต้องหัดเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ผมจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น นึกถึงประโยชน์ของส่วนรวม สิ่งสำคัญคือต้องให้ผู้ร่วมงานของเราอยู่กับเราอย่างมีความสุข มีความมุ่งมั่นในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ได้มีโอกาสแสดงความสามารถ มีคุณค่า และมีความสำคัญต่อองค์กร”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ