9 ราชมงคลขานรับ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” ชี้เกิดประโยชน์ ไร้ช่องโหว่ แตกต่างจากทุนทั่วไป กสศ.ชี้ ลงทุนน้อยแต่ผลลัพธ์คุ้มค่า ได้ประโยชน์ 3วิน หนุนเด็กยากจนด้อยโอกาสเรียนต่อสูงขึ้น ยกระดับเป็นสถาบันนวัตกรรมชั้นสูง และยังตอบโจทย์ตลาดแรงงานไทย
ผศ.ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน(มทร.อีสาน) ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ครั้งที่10/2561 ล่าสุด ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนกับผู้แทนกองทุนเเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เกี่ยวกับโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ถือว่าเป็นทุนที่ตอบโจทย์หลายด้าน จากข้อมูลพบว่าทุกวันนี้เยาวชนต่ำกว่าปริญญาตรี มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษา เด็กอยากเรียนต่อ แต่ด้วยทุนที่ไม่มี พ่อแม่ประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการส่งเรียน หากไปขอทุนที่ต้องกู้และจ่ายคืนเมื่อจบการศึกษา ตรงนี้เป็นการผูกภาระ และพบเด็กหนีการจ่ายทุนคืนจำนวนมาก เนื่องจากเด็กจบการศึกษามาแล้วทำงานไม่ตรงสายเรียน ได้เงินเดือนไม่ตรงเป้า แต่สำหรับกองทุน กสศ. มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ดูแลเด็กตั้งแต่แรกรับทุนแล้วจะมีคนดูแลพร้อมชี้แนะ ที่สำคัญ เด็กที่จะรับทุนต้องตอบโจทย์10อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น5เอสเคิร์ฟ นิวเอสเคิร์ฟใหม่ เมื่อจบแล้วมีงานทำอย่างแน่นอน100 เปอร์เซ็นต์ เพราะขณะนี้มีความต้องการเด็กที่จบมามีฝีมือและมีความรู้หลายศาสตร์ กองทุนนี้จึงออกมาถูกกาลเทศะถูกวันเวลาอย่างยิ่ง ถ้าเริ่มต้นแรกของโครงการ2,500 คนสำเร็จด้วยดี จะสามารถสร้างกำลังของบุคลากรของชาติเพื่อตอบโจทย์ พร้อมต่อยอดและยกระดับต่อไป
“ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง มีความชัดเจนตั้งแต่เด็กเข้าโครงการ จบ ม.3 ต่อ ปวช. ปวช. ระยะเวลา5ปี ไม่เหมือนการให้ทุนทั่วๆ ไป เกิดประโยชน์แน่นอน ไม่เกิดช่องโหว่ เป็นเรื่องที่ดีในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้กับประเทศชาติ โดยเบื้องต้นได้รับในหลักการแล้ว ทาง9อธิการบดี จะไปดูว่าราชมงคลใดบ้างเปิดสอนต่ำกว่า ป.ตรี เพื่อพิจารณาเข้าร่วมโครงการตามกรอบเงื่อนไขที่ กสศ. ระบุไว้ ถ้าเรามีเด็กมาต่อยอดเพื่อทำให้เกิดบุคลากรของชาติ4.0คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ก็อยากให้ทุกมหาวิทยาลัย ทุกสถาบันการศึกษาของประเทศเข้ามาช่วยขับเคลื่อนโครงการนี้กับทาง กสศ.” ผศ.ดร.วิโรจน์ กล่าว
นางสาวธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ รักษาการผอ.สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมนวัตกรรมและทุนการศึกษา กสศ. กล่าวว่า ข้อมูลจากงานวิจัยบัญชีรายจ่ายด้านการศึกษาแห่งชาติปี 2559พบว่า ภาครัฐลงทุนค่าใช้จ่ายระดับมัธยมศึกษา(สายอาชีวะ) อยู่ที่5%หรือประมาณ43,138ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยหากเทียบกับรายจ่ายในระดับการศึกษาอื่นๆ ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของกสศ. จึงเป็นโครงการที่จะเข้ามาช่วยเสริมกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยคิดค้นนวัตกรรมการสนับสนุนทุนที่ไม่ได้ใช้งบประมาณสูงแต่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าทำให้ได้ผลประโยชน์ 3 วินคือ1.เด็กยากจนด้อยโอกาส มีโอกาสเรียนต่อสูงขึ้น มีศักยภาพและอาชีพต่างๆ สูงขึ้น 2.สถาบันเก่งขึ้น เพราะจะช่วยกันยกระดับการเรียนการสอนสายอาชีพเป็นนวัตกรรมชั้นสูง และตอบโจทย์ตลาดแรงงาน โจทย์ความต้องการของประเทศ และ3. ประเทศชาติได้ประโยชน์ในแง่ของกำลังคนที่จะมีคนเก่งขึ้น พัฒนาประเทศและตอบโจทย์เรื่องการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันที่รัฐบาลต้องการ
“กสศ. ให้ความสำคัญกับสถาบันสายอาชีพ โดย มทร. เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญ ที่จะทำการปฎิรูปในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในการเพิ่มโอกาสของเด็กเยาวชนที่มาจากยากจนและด้อยโอกาสให้เรียนต่อสูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนที่น้อยมากแค่เพียง 5% และการพัฒนาทุนมนุษย์ร่วมกัน เพื่อให้กำลังคนโดยเฉพาะสายอาชีพมีความเข้มแข็งขึ้น ตอบโจทย์ของรัฐบาลในเรื่องของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 การทำงานลักษณะพันธมิตรร่วมกันกับสายอาชีพเช่นนี้”
รองศาสตราจารย์ศีลศิริ สง่าจิตร ผู้ปฎิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา(มทร.ล้านนา) กล่าวว่า มทร.ล้านนา เปิดสอนในระดับ ปวช. ปวส. ครอบคลุม 5 จังหวัดภาคเหนือทั้งตอนล่างและตอนบน มีจำนวนนักศึกษาทั้งหมด 20,000 คน ในจำนวนนี้เป็นนักศึกษาที่อยู่ชายขอบติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีจำนวนมากที่ขาดแคลนโอกาสทุนทรัพย์ทางการศึกษา โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง จะตอบโจทย์นักศึกษากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสายอาชีพที่ด้อยโอกาสได้เข้ามาในระบบและได้รับโอกาสทางการศึกษามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ค้นพบตัวเอง ว่าถนัดและมีความสามารถด้านใด ซึ่งตรงนี้จะสอดรับกับการขาดแคลนแรงงานที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
“โครงการนี้ช่วยตอบโจทย์ กระตุ้นให้กับนักศึกษาที่สนใจด้านสายอาชีพให้เข้าถึงการศึกษามากขึ้น และเป็นประโยชน์กับอาจารย์ผู้สอน ที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างวินัยให้กับเด็ก นำไปสู่การสร้างงานสร้างอาชีพที่มั่นคงในอนาคต และฝากถึงนักศึกษาหากค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถหรือมีใจรักด้านสายอาชีพ ต้องมุ่งมั่นมุ่งมั่นทำให้จริงจัง เพื่อให้เกิดทักษะในการทำงานในอนาคต ทั้งนี้อยากเชิญชวนสถาบันศึกษาต่างๆ เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป” รองศาสตราจารย์ศีลศิริ กล่าว
สำหรับ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” จะสนับสนุนงบประมาณผ่านสถาบันการศึกษาประกอบด้วย ทุนสำหรับพัฒนาสถาบันการศึกษาที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามคุณภาพ ประมาณ 50 แห่ง ซึ่งต้องพัฒนาหลักสูตรที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของประเทศ สายอาชีพที่กำลังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงานในท้องถิ่นหรือจังหวัด รวมถึงสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจำนวน 2,500 ทุนต่อปีที่ผ่านการคัดเลือกโดยสถาบันการศึกษา โดยเปิดกว้างให้สถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาสายอาชีพจากทุกสังกัด ทั้งนี้กำหนดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่ วันที่ 15-28 ธันวาคม 2561 โดยมีการจัดกิจกรรมชี้แจงแนวทาง “โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง เพื่อตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0” แก่สถาบันการศึกษาสายอาชีพ ใน4ภูมิภาค ซึ่งสามารถติดตาม ข่าวสารที่ www.EEF.or.th หรือ สายด่วน โทร 02-079-5475 กด 2 ในวันและเวลาราชการ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ