“หมอธี”ไล่บี้ สกสค.และ องค์การค้าฯ จัดระบบบัญชีตามกฎหมายป้องกันทุจริต ระบุ สกสค.ต้องฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกรณีตั๋วสัญญา 2,500 ล้าน กับอดีตบอร์ดกองทุน ช.พ.ค. ส่วนการพิมพ์หนังสือเรียนประกวดราคาใหม่ได้เอกชน 4 แห่ง ช่วยพิมพ์ แม้ล่าช้ากว่ากำหนดแต่ทันเปิดเทอมแน่นอน
วันที่ 19 เม.ย.2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และการประชุมคณะกรรมการ สกสค.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมหารือ การบริหารจัดการกองทุนต่าง ๆ ขององค์การค้าฯ และสกสค. ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบบัญชีกองทุนฯ ของผู้ตรวจสอบบัญชี ทั้งจากรัฐและเอกชน พบว่าผู้ตรวจสอบบัญชีไม่มีความเห็น ซึ่งการที่ผู้ตรวจสอบบัญชีไม่มีความเห็น หมายความว่า การจัดทำบัญชีไม่มีระบบ ไม่มีหลักฐาน
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้องค์การค้าฯ และสำนักงาน สกสค. ไปจัดทำระบบบัญชีของกองทุนต่าง ๆ ใหม่ ให้เป็นระบบ และให้เป็นไปตามกฎหมายเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้มีระบบธรรมาภิบาล ไม่ใช่ออกระเบียบข้อบังคับเองเพื่อป้องกันการทุจริตในอนาคต นอกจากนี้ นายพินิจนิจศักดิ์ สุวรรณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และ ผอ.องค์การค้าฯ แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ ผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ซึ่งเปิดให้โรงพิมพ์ของเอกชนเข้าร่วมประกวดราคา 25 แห่ง มีผู้เสนอราคาต่ำสุด 4 แห่ง โดยองค์การค้าฯ รายงานว่า กำหนดการจัดพิมพ์หนังสือจะช้าจากกำหนดเดิม 15 วัน คาดว่าแล้วเสร็จทั้งหมดประมาณสิ้นเดือน พ.ค.นี้
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบทางละเมิดกับผู้เกี่ยวข้อง กรณีกับอดีตผู้บริหาร สำนักงาน สกสค. ที่นำเงินจำนวนมหาศาลถึง 2,500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ทาง สกสค. ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วว่า กรณีนี้ไม่เข้าข่ายกฎหมายละเมิด เพราะไม่ได้เป็นความผิดที่มีบุคคลที่ 3 และมีบุคคลที่ 3 มาเรียกร้องให้ สกสค.จ่ายค่าเสียหาย แต่เป็นการทุจริตทำความเสียหายให้กับ สกสค.
ดังนั้น สกสค.ต้องไปฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย กับอดีตคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินจำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี คืนจากธนาคารธนชาต ให้กับ สกสค. เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการอนุมัติ ปิดบัญชี และเบิกถอนเงินของ สกสค. ที่ฝากไว้ไม่ถูกต้องนั้น ทราบว่าขณะนี้เรื่องอยู่ที่อัยการ ส่วนจะฟ้องหรือยังนั้นตนยังไม่ทราบ
ด้านนายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทเอกชน ที่เสนอราคาตัดพิมพ์หนังสือต่ำสุด มีจำนวน 4 แห่ง โดยจัดพิมพ์หนังสือ ทั้งหมด 27 รายการ ประมาณ 8,080,000เล่ม ส่วนองค์การค้าฯ จะจัดพิมพ์ประมาณ 950,000 เล่ม โดยตนได้ย้ำว่าให้แต่ละบริษัทเร่งจัดพิมพ์หนังสือเรียน ที่ต้องใช้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ก่อน จากนั้นค่อยทยอยพิมพ์ต่อจนครบ เพื่อให้ทันใช้ในการเรียนการสอน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ