“พิษณุ”ชี้แจง6ขั้นตอนจ่ายหนี้พนง.องค์การค้าฯต้น+ดอก1,200ล้าน
ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกสค.ได้เจรจาขอกู้ยืมเงินกองทุนสนับสนุนพิเศษเพื่อความมั่นคง ของสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ชพค.) และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม(ชพส.) ของ สกสค.เพื่อนำมาใช้หนี้พนักงานและเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค.ตามคำสั่งศาล ที่ให้องค์การค้าฯ จ่ายเงินค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่พนักงาน จำนวน 2,441 คน เป็นเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 1,200 ล้านบาทได้แล้ว แต่ทั้งนี้จะต้องนำเสนอบอร์ด สกสค.เพื่อขออนุมัติก่อน ทั้งนี้ การจ่ายเงินจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งระหว่างที่ดำเนินการทำสัญญากู้เงินจาก สกสค. ทางองค์การค้าฯ ต้องออกคำสั่งย้อนหลังว่าพนักงานและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2547-2555ได้ปรับเงินเดือน หรือได้เลื่อนขั้นเงินเดือนเท่าไร ซึ่งตนได้คิดแนวทางไว้แล้ว
ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการจ่ายเงินได้จัดลำดับการจ่ายดังนี้ 1.มอบสำนักบริหารกลาง สั่งการให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล จัดทำคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนตามมติ ครม.ให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2547-2555
2.มอบสำนักบริหารการเงินและบัญชี คำนวณเงินสุทธิของแต่ละคนว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร โดยให้คิดคำนวณ เฉพาะเงินต้นก่อน เนื่องจากคดีเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ โดยให้ ผอ.สำนักบริหารกลาง และนายอดุลย์ บุสสา รองผอ.องค์การค้าฯ ช่วยพิจารณาเรื่องตัวเลขด้วย
3.เตรียมจัดตั้งทีมงาน เพื่อคิดคำนวณดอกเบี้ยและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขทั้ง 2 รูปแบบ คือ รูปแบบตามที่องค์การค้าฯ คำนวณ และรูปแบบตามที่กรมบังคับคดีคำนวณ
4.มอบฝ่ายกฎหมายและวินัย และผู้เกี่ยวข้อง จัดเตรียมเอกสาร เช่น มติ ครม., ผลการเจรจา, บันทึกข้อตกลง การจ่ายเงินแต่ละงวด และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ส่งให้ สกสค. โดยเร็ว ทั้งนี้ให้ ผอ.สำนักบริหารการเงินและบัญชี, ผอ.สำนักบริหารกลาง และรองฯ อดุลย์ ช่วยตรวจสอบเอกสารก่อนส่ง
5.มอบสำนักบริหารการเงินและบัญชี จัดทำCash Flow ประกอบการวางแผนกำลังการชำระเงินกู้ วงเงิน 1,500 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดทำกราฟ แสดงข้อมูล
และ 6.จัดทำตารางสรุปยอดเงินที่เจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ แต่ละคนจะได้รับตามคำสั่งพิพากษา 3% 2 ขั้น ทั้งเจ้าหน้าที่เกษียณอายุและเจ้าหน้าที่ปัจจุบัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนรับทราบ และเซ็นยินยอม
“กรมบังคับคดี แจ้งว่าตามมาตรา329กฎหมายแพ่งระบุว่าการชำระหนี้ ตามคำพิพากษาจะต้องชำระดอกเบี้ยก่อน ค่อยมาถึงเงินต้น ซึ่งเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันกับองค์การค้าฯ ที่มีข้อตกลงกับพนักงานว่าจะให้องค์การค้าฯ จ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น จึงต้องให้ศาลชี้ว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่องค์การค้าฯ ตกลงกับพนักงานไว้ หรือจ่ายตามคำสั่งของกรมบังคับคดี แต่ถ้าพนักงานองค์การค้าฯไม่รอคำสั่งศาล องค์การค้าฯ ก็พร้อมจ่ายเงินทันที” ดร.พิษณุ กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ