วันที่ 13 มิ.ย.67 นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี จะเป็นเดือนที่สถานศึกษาจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความเคารพรักและระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ หรือที่เรียกว่า “กิจกรรมวันไหว้ครู” ซึ่ง พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนเห็นความสำคัญในการจัดกิจกรรมวันไหว้ครู เนื่องจากเป็นสิ่งที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อเป็นการระลึกนึกถึงพระคุณครูที่พร่ำสอดให้เด็กเป็นคนดี มีวิชา หาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว พร้อมกับอยู่ในสังคมได้ดี รู้จักสิทธิของตน และของผู้อื่น อย่างมีความสุข แต่ในปัจจุบันภาพเหล่านี้กำลังจะเลือนหายไปจากโรงเรียน
“กิจกรรมวันไหว้ครู” ถือเป็นวันสำคัญของเหล่านักเรียน แต่ปัจจุบันกำลังถูกลืมเลือน และลดความสำคัญลง ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญและส่งเสริมสนับสนุน ซึ่งสามารถจัดได้ไม่ยุ่งยาก ดังนี้ การไหว้ครูในสถานศึกษา จัดได้ตั้งแต่ระดับอนุบาล ไปจนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา มีพิธีทางศาสนา พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ต่อด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์, การแข่งขันประกวดพานไหว้ครู ให้นักเรียนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และใช้ดอกไม้ที่สัญลักษณ์ของวันไหว้ครูมาประดับตกแต่งให้เกิดความสวยตามสมัยนิยม สิ่งที่นำมาประกอบเป็นพานไหว้ครูราคาไม่แพง ประกอบด้วย 1) ดอกมะเขือ กำหนดให้เป็นดอกไม้สำหรับไหว้ครู ไม่ว่าจะเป็นครูดนตรี ครูมวย ครูสอนหนังสือ ก็ให้ใช้ดอกมะเขือนี้ เพื่อศิษย์จะได้อ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมที่จะเรียนวิชาความรู้ต่างๆ 2) หญ้าแพรก ถือเอาเป็นเคล็ดว่า ถ้าใช้หญ้าแพรกดอกมะเขือไหว้ครูแล้ว สติปัญญาของเด็กจะเจริญงอกงามเหมือนหญ้าแพรกและ ดอกมะเขือนั่นเอง 3) ดอกเข็ม การใช้ดอกเข็มไหว้ครู วิชาความรู้จะให้ประโยชน์กับชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสดชื่นเหมือนรสหวานของดอกเข็ม และ 4) ข้าวตอก เป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว