สพฐ.ส่งชุดสายสืบไซเบอร์ สแกนทุจริตสอบครูผู้ช่วยทุกพื้นที่ ห้าม! ข้าราชการครูเปิดติวสอบครูผู้ช่วยเด็ดขาด
วันที่ 9 ก.ค.2561 ที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมการมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสถานศึกษาใน จ.พิษณุโลก ในการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมให้ร่วมกันทำงานเป็นทีม ทั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัด ซึ่ง จ.พิษณุโลก เป็นหนึ่งในจังหวัดที่สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นายบุญรักษ์ กล่าวถึงการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง”ครูผู้ช่วย” ที่จะเปิดรับสมัครในวันที่ 18-24 ก.ค. และดำเนินการสอบในช่วงเดือน ส.ค. โดยขอย้ำว่าอย่าไปเชื่อคนที่หลอกลวงว่าสามารถช่วยเหลือได้ เรื่องการสอบบรรจุครูผู้ช่วย เป็นเรื่องใหญ่ของ ศธ.ที่จะไม่ยอมให้มีการทุจริตโดยเด็ดขาด ที่ผ่านมาก็มีความผิดอยู่ 2 เรื่อง คือไปหลอกเขาว่าจะช่วยเหลือได้ ไปหลอกว่าจะช่วยได้ รู้จัก กศจ.จะช่วยเหลือได้ สุดท้ายตัวเองก็ตกเบ็ด ทาง สพฐ.ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และเรื่องที่ 2 คือเรื่องการลงโทษวินัย คือ พวกเปิดติวข้าราชการใน ศธ. ห้ามติว อย่าเปิดสำนักติว เพราะจะถือว่าเราเลือกใช้อำนาจหน้าที่ตำแหน่งไปหาผลประโยชน์ ชาวบ้านลูกตาสีตาสาเห็นเป็น ผอ. เป็นสำนักงานเขตฯ จัดติวก็คิดว่าจะสอบได้เขาก็เอาเงินมาลงทะเบียนเรียน แม้ไม่ได้สัญญาว่าจะได้แต่โดยตำแหน่งหน้าที่ของเราก็ทำให้เขาเชื่อว่าจะรู้ข้อมูลภายใน
“สำหรับระบบการสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้ ข้อสอบมาจากส่วนกลาง ข้อสอบที่ส่งมาแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน เป็นข้อสอบคู่ขนาน แม้แต่การนั่งสอบให้ห้องเดียวกันข้อสอบที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ทาง สพฐ.ได้มอบไปทางจังหวัด ทาง กศจ. เป็นผู้ดำเนินการสอบ ส่วนผู้บริหารและครูของ สพฐ. เราก็ทำหน้าที่ตามคำสั่งของ กศจ. ช่วยกันเป็นปากเป็นเสียง ฝากผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ฯ ช่วยกันหาข้อมูลตรวจสอบ และรายงานด้วย”นายบุญรักษ์ กล่าวและว่า
ขณะนี้ สพฐ.ได้ตั้งชุดสายสืบไซเบอร์ ติดตามสแกนดูตลอดว่ามีใครจัดติวที่ไหน กับอีกชุดจะทำหน้าที่ในการลงพื้นที่ และคนที่เกี่ยวข้องจะถูกบล็อกไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องในการสอบ เรื่องเหล่านี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ฝากให้ช่วยกันดูแลในเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ทำให้ประชาชนหลงผิด
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ