ย้อนประวัติชีวิต และการทำงานของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กรรมกรข่าวที่ไม่เคยถูกลืม
การกลับมาอีกครั้งของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวอันดับต้นๆ ของประเทศไทย หลังจากมีคำพิพากษาสั่งจำคุก 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง อายุ 55 ปี ผู้ต้องขังในคดีฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้รับการพิจารณาพักโทษโดยเหตุพิเศษ และจะได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 14 มี.ค. ผ่านมา
กรรมกรข่าวที่ไม่เคยถูกลืม ภาพจำการเล่าข่าวที่เข้าใจง่าย ให้ข้อมูลครบถ้วน และน้ำเสียงเร้าใจ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กำลังจะกลับมาหวนจอเล่าข่าวอีกครั้ง กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ย้อนประวัติชีวิต และการทำงานของสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าวที่ไม่เคยถูกลืม
- ก้าวสู่โลกคนเล่าข่าว
สรยุทธเป็นบุตรคนที่ 2 จากทั้งหมดสามคน นามสกุลเดิมของพ่อแซ่โล้ หลังเข้าศึกษาโรงเรียนอำนวยศิลป์ เคยมีประวัติเข้าไปอยู่ในกลุ่มทะเลาะวิวาทจนกระทั่งถูกจับกุม ต้องใช้ชีวิตในบ้านเมตตา 15 วัน กระทั่งจบชั้นมัธยมฯ เรียนต่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง นิเทศศาสตรบัณฑิต เมื่อปี 2530
เริ่มทำงานเป็นนักข่าว หนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เมื่อปี 2531 อยู่สายข่าวรัฐสภา 2 ปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาลอีก 2 ปี เข้าประจำในกองบรรณาธิการ ปี 2535 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และหัวหน้าข่าวการเมือง ปี 2537 บรรณาธิการข่าว ปี 2540 สุดท้ายเป็นรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น
นับตั้งแต่ปี 2539 สรยุทธทำงานให้เครือเนชั่นกรุ๊ป เป็นนักวิเคราะห์ข่าวการเมือง ที่ไอทีวี และเนชั่นแชนแนล เช่น ไอทีวี ทอล์ก เวทีไอทีวี , ฟังความรอบข้าง เก็บตกจากเนชั่น รายการคมชัดลึก และก๊วนกวนข่าว เป็นต้น จนกระทั่งปี 2545 เนชั่นร่วมกับโมเดิร์นไนน์ทีวีทำรายการวิเคราะห์ข่าวและเล่าข่าว
รายงานทีวีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างรายการ ถึงลูกถึงคน และคุยคุ้ยข่าว และลาออกจากเนชั่น ไปร่วมบริหารและผลิตรายการกับช่อง 3 จนได้รับความนิยมสูง คือ เรื่องเล่าเช้านี้ , เรื่องเด่นเย็นนี้ , เรื่องเล่าเสาร์–อาทิตย์ และจับเข่าคุย โดยเป็นเจ้าของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด พร้อมออกหนังสือเล่มขายดี อย่าง กรรมกรข่าว , กรรมกรข่าว 2 งานรับเหมา , คุยนอกสนาม และกรรมกรข่าว 3 เป็นต้น
ทั้งนี้จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตพลิกผันจากนักเล่าข่าวมือหนึ่งสู่ผู้ต้องขังเรือนจำคือ การฟ้องร้องบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่สรยุทธเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และถูกศาลฎีกาพิพากษาสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา
- อยู่ที่ไหนก็ยังเป็น “สรยุทธ” คนเล่าข่าว
เรื่องราวของ “สรยุทธ” เงียบหายหลังจากมีคำตัดสินศาลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2563 แต่เมื่อวันที่ 4 เมษายน ชาวโซเชียลได้เห็นการเล่าข่าวของ “สรยุทธ” อีกครั้งในรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ที่ถ่ายทำทั้งหมดภายในเรือนจำ
ภายใต้การอนุญาตของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมีจุดประสงค์คือเป็นการให้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องโควิด-19 ในเรือนจำ รวมถึงบอกเล่าในมาตรการต่างๆ ที่กรมราชทัณฑ์ทำให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศ จะได้ไม่เข้าใจผิด จนเกิดการปลุกปั่นและเผาเรือนจำแบบที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งตามปกติ นักโทษคดีร้ายแรงมักมีความคิดแหกคุก พยายามปลุกปั่น หากทางการสามารถรับมือได้ การปลุกปั่นจะไม่สามารถหลอกผู้อื่นได้ด้วยการให้ความรู้ผู้ต้องขัง 143 แห่งทั่วประเทศ เผยแพร่ให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องขัง รวมถึงสังคมสบายใจ
หลังจากส่วนหนึ่งของเทปรายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ผู้คนแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันคือ ยังคงคิดถึงลีลาการเล่าข่าวที่มีเอกลักษณ์ของสรยุทธอยู่เช่นเดิม และดีใจที่สรยุทธได้ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
ทั้งนี้รายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ รายการกึ่งเล่าข่าว ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในเรือนจำ เพราะตามคู่มือการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง ระบุว่าผู้ต้องขังสามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ และการบันเทิงได้ แต่จำกัดเฉพาะ เทปการศึกษาทางอากาศ หรือดูโทรทัศน์ในหน่วยงาน ทั้งนี้จะไม่มีการรายงานข่าวแต่อย่างใด
- กลับมาอีกครั้ง “สรยุทธ”
“สรยุทธ” อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง อายุ 55 ปี ได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 14 มี.ค. 64
โดยสรยุทธจะถูกนำตัวไปสวมกำไลอิเล็คทรอนิกส์ติดตามตัว (อีเอ็ม) ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานครเขต 7 และจะต้องติดกำไล EM เป็นระยะเวลา 14 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.64 – 20 พ.ค. 65 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษคือในวันที่ 26 ก.ค.66 รวม 2 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ นายสรยุทธ์ถือเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อช่วงเดือน ส.ค.63 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน แต่จำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน จากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน นายสรยุทธจึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
“วันที่จะได้รับอิสรภาพไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นชีวิตของความทุกข์ทรมานมันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แต่พอเข้ามาสุดท้ายทางกายผมก็ปรับตัวได้ในคุกมีคนถามว่าพี่ยุทธสบายดีหรือไม่ผมได้บอกไปว่าอย่าถามเพราะในคุกไม่มีใครสบายแต่พออยู่ได้ทุกวันผมต้องเข้าไปยังห้องขังตอน 15:00 น จนถึง 6:30น.14- 15 ชั่วโมงแต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้”
สรยุทธ เปิดใจภายหลังออกมาจากเรือนจำ ทั้งนี้รู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำถือว่าเป็นการจบคดีความ และ ดีใจที่ได้มีวันนี้ เพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การอยู่ในเรือนจำ 1ปีกว่า รู้สึกเคว้งคว้าง มีความทุกข์ทางจิตใจ แต่ทุกข์ทางร่างกายก็สามารถปรับตัวได้ แต่หลังจากจัดรายการให้ข้อมูลข่าวสารในเรือนจำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะถือเป็นการใช้ชีวิตในเรือนจำที่คุ้มค่า ไม่ใช้ชีวิตที่เปล่าประโยชน์
ส่วนจะกลับสู่หน้าจอเมื่อไหร่นั้น ขอกลับไปคิด และ ปรับตัวก่อนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ทำงานมา 5 ปีอีกทั้งโลกปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสาร ก็เปลี่ยนไป มีสื่อมากมายจะทำอย่างไรให้คนกลับมาติดตามข่าว แต่ยืนยันยังอยู่กับช่อง 3 ต่อ
ที่มา :
สำนักข่าวอิศรา , บริษัท ไร่ส้ม จำกัด , ชีวิตและเงิน ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ กรรมกรข่าว ‘พันล้าน’