สพป.สำปาง เขต1 ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ผอ.อนุบาลลำปาง พร้อมย้ายไปปฏิบัติหน้าใน สพป.ทันที “พล.ท.โกศล” ชี้หากผิดจริงมีโทษปลดออก-ไล่ออก และเป็นคดีอาญา
วันที่ 12 ก.ค.60 พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาทุจริต ศธ.ที่มีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานว่า ได้รายงานความคืบหน้ากรณีนางสุรณี กัลยารัตนกุล อายุ 64 ปี อดีตครูเกษียณราชการ และอดีตเลขานุการส่วนตัว ของ ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปาง เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ลำปาง เขต 1 ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ที่ต้องรับหน้าเป็นหนี้แทน ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปาง ที่ให้ไปกู้ยืมเงินมากว่า 10 ล้านบาท อีกทั้งที่ผ่านมา ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว นอกจากนี้ ยังได้ยืมเงินจากครูในโรงเรียนมาให้ ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวด้วย
โดยที่ผ่านมา สพป.ลำปาง เขต 1 และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง สรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงพบว่า กรณีดังกล่าวมีมูลการทุจริตจริง โดยจากการสืบข้อมูลทั้งเอกสารและพยานบุคคล พบว่า ผอ.โรงเรียน มีการจัดตั้งสำนักงานบริหารวานส่วนตัวขึ้น บริเวณหน้าห้อง ผอ.โรงเรียน โดยมีเจ้าหน้าที่โรงเรียน 3 คนและผู้ร้อง รวม 4 คน ทำหน้าที่บริหารเงินรายได้ที่มาจาก 3 โครงการ คือ 1.โครงการฝากเด็กไว้กับครูตอนเย็น รายละ 500 บาท 2.โครงการจัดเรียนพิเศษ ในช่วงเดือน ต.ค. รายละ 2,000 บาทต่อคน และเรียนพิเศษช่วงเดือน เม.ย. รายละ 2,500 บาทต่อคน ซึ่ง พบว่าทั้ง 2 โครงการ ไม่มีใบเสร็จ และไม่มีการนำเข้าสถานศึกษาอย่างถูกต้อง และ 3 โครงการเตรียมอนุบาล ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 เปิดห้องปกติ 3-5 ห้องเก็บค่าเรียนเทอมละ 20,000 บาท และห้อง Mini English Program รายละ 40,000 บาทต่อเทอม ซึ่งเงินส่วนนี้มีใบเสร็จ แต่เป็นใบเสร็จที่ไม่ถูกต้อง
พล.ท.โกศล กล่าวต่อไปว่า กรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่าเงินรายได้ทั้ง 3 ส่วน ไม่มีการนำเข้าเป็นรายรับของสถานศึกษา จึงเชื่อได้ว่า ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าว มีการนำไปใช้ส่วนตัวจริง ดังนั้น สพป.ลำปาง เขต 1 จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และสั่งย้าย ผอ.โรงเรียน ไปปฏิบัติหน้าที่ สพป.ลำปาง เขต 1 เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอน
ซึ่งหากพบว่าผิดจริง มีโทษปลดออกและไล่ออก ซึ่งกรณีถูกไล่ออก ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวจะไม่ได้รับเงินใดใดทั้งสิ้นหลังเกษียณอายุราชการ ส่วนจำนวนเงินที่นำไปใช้ส่วนตัวเท่าไรนั้น คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงยังไม่ได้สรุปผล แต่เท่าที่ผู้ร้องเรียน เคยร้องเรียนให้ตรวจสอบอยู่ที่ประมาณ 47 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือว่าเป็นคดีอาญา ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย หากเป็นข้าราชการต้องลงโทษทางวินัย ส่วนนางสุรณี ถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตามมาตรา 149
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ