ทีมนักวิจัย สวทช. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ ใช้รักษาโรคโควิด-19 ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
พุธที่ 3 มีนาคม 2564 เวลา 15.29 น.
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุมดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานแถลงข่าว ความร่วมมือเพื่อสร้างความสามารถในการพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API: Active Pharmaceutical Ingredients) ของประเทศ: ยาต้านไวรัส “Favipiravir” โดยมีดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมแถลงข่าว
ศ.พิเศษ ดร.เอนก กล่าวว่า การพัฒนาวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยาสำหรับใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เพื่อใช้ต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SAR-CoV-2) เป็นงานส่วนหนึ่งภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) พ.ศ. 2564-2569 และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศไทยก็เป็นที่ประจักษ์ของชาวโลกว่ามีการแพทย์และสาธารณสุขที่ก้าวหน้าประเทศหนึ่งในเอเชียและระดับโลก ที่สำคัญขณะนี้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน 2 ชนิด จาก 7 ชนิด และวัคซีนอีก 5 ชนิด กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ซึ่งการผลิตวัคซีนโดยคนไทยเป็นเป้าหมายสำคัญของ อว.และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นอกจากนี้ เรายังประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยา ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ไทยจะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมวัคซีน ยา รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยรับมือต่อวิกฤติโรคระบาดในอนาคตได้ โดยขณะนี้ สวทช. ได้นำเรื่องการพัฒนาสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ ต้านโรคโควิด-19 บรรจุในโครงการ BCG กลุ่มสาขายาและวัคซีนแล้ว
ดร.ณรงค์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการผลิตยาของไทยต้องนำเข้าสารตั้งต้นในการผลิตยารักษาโรคต่างๆ จากต่างประเทศมากถึง 95% หากเราสามารถสังเคราะห์ได้เองจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมของไทยให้ผลิตยาได้ครบวงจรด้วยตนเองตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ลดการนำเข้า และด้วยโรคโควิด-19 ระบาดใหญ่ทั่วโลก ทำให้ยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งเป็นหนึ่งในยาที่ใช้รักษาโควิด-19 เป็นที่ต้องการอย่างมาก การสั่งซื้อทำได้ยากและมีจำนวนจำกัด จึงอาจไม่เพียงพอต่อการรักษาของผู้ป่วยในประเทศที่ไม่สามารถผลิตยาเองได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ สวทช.ร่วมกับ อภ. วิจัยพัฒนากระบวนการผลิตวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยาจนประสบความสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาสูตรตำรับยาที่ อภ.ดำเนินการอยู่ เพื่อใช้ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับต้านโรคโควิด-19 ทั้งยังมีคุณภาพดี มีมาตรฐานทัดเทียมระดับสากล สามารถใช้เป็นสารตั้งต้นทดแทนวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างยื่นจดสิทธิบัตรต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา และทาง สวทช.พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับ อภ. เพื่อพัฒนาต่อยอดกระบวนการสังเคราะห์ไปสู่ระดับกึ่งอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมต่อไป ทั้งจะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานสังเคราะห์วัตถุดิบยาฟาวิพิราเวียร์ และวัตถุดิบยาจำเป็นอื่นๆ ด้วย
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
0%
-
ไม่เห็นด้วย
0%