สดร. จับมือมช. ร่วมวิจัยดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ขั้วโลก ศึกษาผลกระทบของรังสีคอสมิกที่มีต่อโลก เตรียมส่งคอนเทนเนอร์ “ช้างแวน” ลงเรือสำรวจพร้อมนักดาราศาสตร์จาก สดร. เก็บข้อมูลจากจีนถึงขั้วโลกใต้ หวังสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ศึกษาจุดดับดวงอาทิตย์กับการเปลี่ยนขั้วสนามแม่เหล็ก เตรียมเดินทางต้นพ.ย.นี้
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสดร. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงข่าวโครงการความร่วมมือศึกษาวิจัยดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์บรรยากาศขั้วโลก ณ ห้องประชุม D206 อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จ. เชียงใหม่ โดยรศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า โครงการความร่วมมือศึกษาวิจัยดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ขั้วโลกครั้งนี้ เริ่มต้นในปี 56 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประเทศไทยศึกษาวิจัยดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์บรรยากาศบริเวณขั้วโลกร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และให้ สดร. ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทั่งวันที่ 6 เม.ย.59 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สดร. กับสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งจีน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาวิจัยขั้วโลกใต้ (Scientific Committee on Antarctic Research : SCAR) อย่างเป็นทางการในปีเดียวกัน สำหรับขั้วโลกใต้เป็นพื้นที่ที่ท้าทายทั้งสภาพอากาศและภูมิประเทศ เป็นโจทย์ยากที่นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ ตามเป้าหมายของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ที่มุ่งพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศอีกด้วย
รศ.ดร. สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รองอธิการบดีม.เชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการวิจัยการสำรวจตัดข้ามละติจูด เป็นความร่วมมือระหว่าง สดร. และ มช. ส่งข้อเสนอต่อสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งจีนในปี 61 เพื่อศึกษาผลกระทบของรังสีคอสมิกต่อโลก และได้รับอนุมัติให้นำตู้คอนเทนเนอร์ติดตั้งบนเรือสำรวจวิจัย “เชว่หลง” (Xue Long) หรือ “เรือมังกรหิมะ” ออกเดินทางเก็บข้อมูลจากเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธาณรัฐประชาชนจีน ไปยังสถานีวิจัยจงซาน (Zhongshan) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา
สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ติดตั้งเครื่องตรวจวัดนิวตรอนเพื่อใช้วิจัยชื่อว่า “ช้างแวน” (Changvan) ได้รับความร่วมมือจากอีกหลายหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศ อาทิ ม.มหิดล ม.เดลาแวร์และม.วิสคอนซิน ริเวอร์ฟอลส์ สหรัฐฯ ม.ชินชู ประเทศญี่ปุ่น ภายในติดตั้งเครื่องตรวจวัดนิวตรอน มีระบบควบคุมอุณหภูมิภายในให้คงที่ และห้องควบคุมที่ใช้อิเล็กทรอนิกซ์และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่
ดร. วราภรณ์ นันทิยกุล หน.โครงการวิจัยการสำรวจตัดข้ามละติจูด กล่าวว่า ความคาดหวังของการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ คือ ผลลัพธ์ที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ โครงการนี้มีแผนเก็บข้อมูลและศึกษาสเปกตรัมของรังสีคอสมิกในช่วงกว้างของค่าความแข็งแกร่งตัดที่เรือตัดน้ำแข็งเคลื่อนที่ผ่านในปี 61-62 ผลวิจัยครั้งนี้จะนำมาเปรียบเทียบและยืนยันกับผลวิจัยครั้งก่อนหน้านี้ที่ได้สำรวจในลักษณะเดียวกัน จะทำให้เข้าใจสนามแม่เหล็กโลกที่เชื่อมโยงกับสภาพอวกาศได้มากขึ้น
เส้นทางการเดินเรือ
นอกจากนี้ ยังคาดหวังให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกปี เนื่องจากต้องสังเกตการณ์จุดมืดบนดวงอาทิตย์ ซึ่งมีวัฏจักรประมาณ 11 ปี และขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่มีวัฏจักรประมาณ 22 ปี หากสร้างเครือข่ายในระดับสากลกับกลุ่มวิจัยที่จัดหาเรือตัดน้ำแข็งได้ ก็จะสร้างผลงานวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของจุดมืดบนดวงอาทิตย์และการเปลี่ยนขั้วของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ ยังพัฒนานวัตกรรมใหม่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของหัววัดนิวตรอนจากอวกาศควบคู่กันไป หากทำสำเร็จกลุ่มวิจัยวางแผนนำมาใช้จริงในการสำรวจครั้งถัดไปอีกด้วย
เครื่องตรวจวัดนิวตรอน
ด้านนายพงษ์พิจิตร ชวนรักษาสัตย์ หนึ่งเดียวของนักดาราศาสตร์ไทย จากสดร.ที่ร่วมเดินทางไปขั้วโลกใต้ กล่าวว่า ดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เดินทางไปในครั้งนี้ นอกจากจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ยังเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกที่มีศักยภาพ อนาคตอาจเปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยได้ร่วมเดินทางไปแอนตาร์กติกากับทีมสำรวจ รวมถึงได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยอีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการฯ มีกำหนดส่งคอนเทนเนอร์ช้างแวนที่เสร็จสมบูรณ์ไปยังเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 4 ต.ค.61 เรือสำรวจวิจัยมีกำหนดเดินทางออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธาณรัฐประชาชนจีนไปยังทวีปแอนตาร์กติกา ในวันที่ 10 พ.ย.61 และจะเดินทางกลับสู่เมืองเซี่ยงไฮ้อีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย.62 รวมระยะเวลาการเดินทางทั้งหมด 5 เดือน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ