เนื่องด้วยสถานการณ์เด็กจมน้ำในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 5-9 ปี มีสถิติเสียชีวิตสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 40.5 และเป็นกลุ่มเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง 2 เท่า โดยอุบัติเหตุจะเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมสมาชิกคณะทำงานกลุ่มการพัฒนาเยาวชน การศึกษา และวัฒนธรรม ในโครงการ “OUR Khung Bang Kachao” (อาวเวอร์-คุ้งบางกระเจ้า) ในโครงการ “OUR Khung Bang Kachao” ร่วมกับ ชมรมกู้ชีพทางน้ำประเทศไทย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จัดกิจกรรม “ตะโกน โยน ยื่น” เด็กไทยไม่จมน้ำขึ้น เพื่อให้ความรู้และวิธีเอาตัวรอดเมื่อประสบอุบัติเหตุทางน้ำ รวมถึงสอนหลักการช่วยเหลือคนตกน้ำอย่างปลอดภัย
ล่าสุดมีกิจกรรมให้ความรู้ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ “ตะโกน โยน ยื่น” ที่โรงเรียนวัดกองแก้ว (ผาดกาบแก้ว) ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งพื้นที่บริเวณคุ้งบางกระเจ้านี้มีลักษณะเป็นเกาะ และมีแม่น้ำเจ้าพระยาล้อมรอบ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำสาธารณะ ก่อให้เกิดภาวะเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ
กมลนัย ชัยเฉนียน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานการพัฒนาเยาวชนและการศึกษา กล่าวว่า เนื่องด้วยพื้นที่บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ มีลักษณะเป็นเกาะที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาล้อมรอบ ประกอบกับมีแหล่งน้ำสาธารณะตัดผ่านค่อนข้างมาก ก่อให้เกิดภาวะเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะกับเด็กเยาวชน จึงเกิดเป็นกิจกรรม ‘ตะโกน โยน ยื่น’ เพื่อให้ความรู้และวิธีการที่ถูกต้องเมื่อเห็นคนตกน้ำ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์คุณครูและนักเรียน
ด้าน เกวลี อินทสุวรรณ์ เลขาฯ ชมรมกู้ชีพทางน้ำประเทศไทย เผยว่า ชมรมกู้ชีพทางน้ำประเทศไทย ได้ก่อตั้งปี พ.ศ.2557 ประธานชมรมชื่อ ครูเปา-เรือเอกสมัคร ใจแสน วัตถุประสงค์เกิดจากการที่ครูเปามองเห็นถึงปัญหาการสูญเสียจากการที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกปี จึงจัดตั้งหลักสูตร Floating and Swimming Survival Instructor Training Course คือหลักสูตรสอนลอยตัวและว่ายน้ำ เพื่อเอาชีวิตรอด
ครั้งนี้ เป็นการเรียนรู้หลักของ “ตะโกน โยน ยื่น” คือ ตะโกนขอความช่วยเหลือ โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่าที่ลอยน้ำได้ โยนครั้งละหลายๆ ชิ้น และยื่นสิ่งของยาวๆ ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ท่อนไม้ เข็มขัด ผ้าขาวม้า ยื่นอุปกรณ์ไปข้างใดข้างหนึ่งแล้วจึงกวาดเข้าหาตัวคนที่อยู่ในน้ำ และดึงตัวเข้าหาฝั่งขึ้นมาจากน้ำ
โดยแบ่งภาคเช้าเป็นการบรรยายวิธีช่วยเหลือคนตกน้ำเบื้องต้น การทำ CPR การใช้เครื่อง AED ซึ่งเป็นเครื่องช่วยชีวิตผู้ป่วยจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และภาคบ่ายจะเป็นภาคปฏิบัติที่ชมรมฯ ได้เตรียมอุปกรณ์เพื่อจำลองสถานการณ์จริง โดยจะมีการสอนลอยตัว และว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อตัวผู้เข้าอบรม และจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ขณะที่ ศิริวรรณ จำเมือง ผอ.โรงเรียนวัดกองแก้ว (ผาดกาบแก้ว) กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่โดยรอบของโรงเรียนรวมไปถึงแหล่งพักอาศัยของนักเรียนอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เรียกว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตกน้ำอยู่แล้ว ดังนั้น กิจกรรมตะโกนโยนยื่น จะทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดเมื่อประสบอุบัติเหตุทางน้ำ จะเห็นได้ว่าตลอดทั้งวันเด็กๆ ทุกคนมีความตั้งใจและกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรมมาก
นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะชีวิต เรียนรู้วิธีป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ การดูแลตัวเองและดูแลผู้อื่นไม่ให้เกิดความเสี่ยง
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ