“… ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดสดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า หลังจากฉีดวัคซีนโมเดอร์นาครบ 2 เข็มในระยะเวลา 1 เดือน ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นสูง 1,081 หน่วย ต่อมาอีก 6-8 เดือน กลับลดลงเหลือ 126 เมื่อเข็มกระตุ้น ขนาด 50 ไมโครกรัมเข้าไป ภูมิคุ้มกันกลับมาเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งถึง 1,893 และในกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มเสี่ยง ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นสูง 1,762 …”
จากกรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศเปิดจองวัคซีนทางเลือก ‘โมเดอร์นา’ สำหรับองค์กรและโรงพยาบาล ผ่านเฟซบุ๊ก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในราคาเข็มละ 555 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่โรงพยาบาลเอกชนเคยเปิดจองก่อนหน้านี้ ในราคาเข็มละ 1,600-1,700 บาท ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างแสดงความคิดเห็นหลากหลายใต้โพสต์เฟซบุ๊กของราชวิทยาลัยฯ ดังกล่าว
กระทั่งล่าสุดองค์การเภสัชกรรม ออกประกาศชี้แจงถึงสาเหตุของราคาที่ไม่เท่ากัน ระบุว่า องค์การฯจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาให้แก่โรงพยาบาลเอกชนขนาดความแรง 100 ไมโครกรัมต่อโดส แต่หน่วยงานดังกล่าวเปิดจำหน่ายวัคซีนขนาดความแรง 50 ไมโครกรัมต่อโดส หรือครึ่งโดส
- องค์การเภสัชกรรมแจงจำหน่าย’โมเดอร์นา’ให้ รพ.เอกชน ขนาด 100 ไมโครกรัม/โดส
อย่างไรก็ตามทำไมถึงต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และขนาดความแรงของวัคซีนโมเดอร์นาที่แตกต่างกันจะมีผลต่อประสิทธิของวัคซีนหรือไม่นั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พบข้อมูลจาก โมเดอร์นา แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีนมาไม่นานมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่า 36-40% เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนเมื่อนานมาแล้ว
โดยจากผลการศึกษาเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อหลังได้รับวัคซีน (Breakthrough Infection) ระหว่างผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก (กลุ่มที่มีระยะเวลาการติดตาม 13 เดือน) กับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาภายหลัง (กลุ่มที่มีระยะเวลาการติดตาม 8 เดือน) พบข้อมูลดังนี้
อัตราการติดเชื้อในภาพรวม : กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อ 77 ราย ต่อ 1,000 ราย ขณะที่กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาภายหลัง มีอัตราการติดเชื้อ 49 ราย ต่อ 1,000 ราย เท่ากับว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 36.4%
อัตราการติดเชื้อของกลุ่มผู้ทดสอบอายุ 18-64 ปี : กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อ 87.3 ราย ต่อ 1,000 ราย ขณะที่กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาภายหลัง มีอัตราการติดเชื้อ 52.8 รายต่อ 1,000 ราย เท่ากับว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 39.6%
อัตราการติดเชื้อของกลุ่มผู้ทดสอบอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป : กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อ 47.8 รายต่อ 1,000 ราย ขณะที่กลุ่มรับวัคซีนโมเดอร์นาภายหลัง มีอัตราการติดเชื้อ 39.5 รายต่อ 1,000 ราย เท่ากับว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่แรก มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 17.4%
ดังนั้นความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อจึงลดลงและอาจกระทบต่อการสู้กับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ จึงเป็นสาเหตุของการยื่นขออนุมัติการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นต่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration : FDA) ซึ่งมีการพิจารณาประเด็นนี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา
ภาพ: การเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อระหว่างผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นามาแล้ว 13 เดือน กับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมาแล้ว 8 เดือน
3 สาเหตุลดขนาด ‘โมเดอร์นา’ เป็นเข็มกระตุ้น
บริษัทโมเดอร์นา เปิดเผยอีกว่า ระหว่างกระบวนการยื่นขออนุมัติ มีการอภิปรายการลดขนาดความแรงของวัคซีนโมเดอร์นาให้เหลือขนาด 50 ไมโครกรัม หรือครึ่งโดส เพื่อฉีดเป็นเข็มกระตุ้นด้วยว่า 1) ขนาดวัคซีน 50 ไมโครกรัม เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง 2) อาการข้างเคียงจากปฏิกิริยาของวัคซีนน้อยลง เช่น การมีไข้ และการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นต้น เมื่อเทียบกับขนาดความแรงของวัคซีนโมเดอร์นาที่สูงขึ้น และ 3) ด้วยภาวะแรงกดดันระดับโลก ต่อการแบ่งวัคซีนครึ่งหนึ่ง จะทำให้มีวัคซีนเพิ่มขึ้นสำหรับอุปทานทั่วโลก
โดยมีผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดสดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า หลังจากฉีดวัคซีนโมเดอร์นาครบ 2 เข็มในระยะเวลา 1 เดือน ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นสูง 1,081 หน่วย แต่ต่อมาอีก 6-8 เดือนภูมิคุ้มกันของวัคซีนกลับลดลงเหลือ 126 หน่วย
ส่งผลให้เมื่อฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นขนาด 50 ไมโครกรัมเข้าไปในกลุ่มผู้ทดสอบ จำนวน 295 ราย ปรากฏว่าภูมิภูมิคุ้มกันกลับมาเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งถึง 1,893 หน่วย ทั้งนี้ในผู้ทดสอบทั้งหมด มีผู้สูงวัยอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยง จำนวน 76 ราย พบภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นสูง 1,762 หน่วย
เท่ากับว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มอายุ 18-64 ปี ที่มีปัญหาภาวะสุขภาพหรือประกอบอาชีพเสี่ยง
อย่างไรก็ตามผลการศึกษาดังกล่าว เป็นผลจากการทดสอบในกลุ่มตัวอย่างเพียงหลักร้อยราย ทำให้ที่ปรึกษาขององค์การอาหารและยาสหรัฐหลายคนยังไม่เชื่อ และบางคนยังลงคะแนนเสียงกล่าวว่าการกระตุ้นขนาดต่ำอาจส่งผลต่อความทนทานของภูมิคุ้มกัน
ภาพ: การศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดส
อาการข้างเคียงจากวัคซีนลดลง
นอกจากนี้ บริษัทโมเดอร์นา ยังเปิดเผยผลการศึกษาเปรียบเทียบอาการข้างเคียงการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดส กับการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดมาตรฐาน พบว่าหลังจากฉีดวัคซีน 7 วัน ผู้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาด 50 ไมโครกรัม จำนวน 167 ราย พบอาการปวดบริเวณฉีด 84% ผื่นแดง 5% บวม 5% กดแล้วเจ็บ 20% มีไข้ 7% ปวดศีรษะ 55% อ่อนแรง 59% ปวดกล้ามเนื้อ 49% ปวดข้อ 41% คลื่นไส้อาเจียน 11% และหนาวสั่น 35%
ส่วนกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดมาตรฐาน จำนวน 14,687 ราย พบอาการปวดบริเวณฉีด 88% ผื่นแดง 9% บวม 12% กดแล้วเจ็บ 14% มีไข้ 16% ปวดศีรษะ 59% อ่อนแรง 65% ปวดกล้ามเนื้อ 58% ปวดข้อ 43% คลื่นไส้อาเจียน 19% และหนาวสั่น 44%
ทั้งนี้หากจำแนกอาการข้างเคียงตามอายุ พบว่า ในกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดส ช่วงอายุ 18-54 ปี จำนวน 129 ราย พบอาการปวดบริเวณฉีด 86% ผื่นแดง 5% บวม 6% กดแล้วเจ็บ 25% มีไข้ 7% ปวดศีรษะ 59% อ่อนแรง 62% ปวดกล้ามเนื้อ 50% ปวดข้อ 42% คลื่นไส้อาเจียน 12% และหนาวสั่น 40%
หากจำแนกอาการข้างเคียงตามอายุ พบว่า ในกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดส ช่วงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป จำนวน 38 ราย พบอาการปวดบริเวณฉีด 76% ผื่นแดง 3% บวม 3% กดแล้วเจ็บ 5% มีไข้ 5% ปวดศีรษะ 42% อ่อนแรง 47% ปวดกล้ามเนื้อ 47% ปวดข้อ 40% คลื่นไส้อาเจียน 8% และหนาวสั่น 18%
ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การลดขนาดวัคซีนโมเดอร์นาเหลือครึ่งโดส ส่งผลให้อาการข้างเคียงลดลงตามมาด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
ภาพ : การเปรียบเทียบอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดสและขนาดมาตรฐาน 7 วัน
ภาพ : การเปรียบเทียบอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดสและขนาดมาตรฐาน 7 วัน
ภาพ : อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นขนาดครึ่งโดส 7 วัน ตามช่วงอายุ
ภาพ : อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นขนาดครึ่งโดส 7 วัน ตามช่วงอายุ
กระตุ้นภูมิดี สู้ ‘เดลต้า’ได้
โมเดอร์นา เปิดเผยผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนขนาดครึ่งโดสต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันสู้โควิดสายพันธุ์เดลต้า เพิ่มเติมว่า ในภาพรวมของผู้ทดสอบ จำนวน 149 ราย จากเดิมมีภูมิคุ้มกัน 48 หน่วย หลังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นครึ่งโดส ปรากฎภูมิคุ้มกันสูงขึ้นถึง 828 หน่วย
หากจำแนกตามช่วงอายุ ในกลุ่มผู้มีอายุ 18-54 ปี จากเดิมมีภูมิกัน 55 หน่วย หลังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นครึ่งโดส ปรากฎภูมิคุ้มกันสูงขึ้นถึง 872 หน่วย
หากจำแนกตามช่วงอายุ ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปี จากเดิมมีภูมิกัน 32 หน่วย หลังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นครึ่งโดส ปรากฎภูมิคุ้มกันสูงขึ้นถึง 706 หน่วย
แสดงให้เห็นว่า วัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้น ขนาด 50 ไมโครกรัม สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งในกลุ่มผู้มีอายุ 18-54 ปี และผู้สูงวัย ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงสู้โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้
ภาพ : การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนขนาดครึ่งโดสต่อสายพันธุ์เดลต้า
อย.สหรัฐฯรับรอง‘โมเดอร์นา’เข็มกระตุ้น สำหรับกลุ่มเสี่ยงแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ABC News รายงานว่า องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีมติเห็นชอบให้วัคซีนโมเดอร์นาขนาด 50 ไมโครกรัม สามารถฉีดเป็นเข็มกระตุ้นสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะด้านสุขภาพ และคนที่มีอาชีพเสี่ยง ซึ่งมีข้อแนะนำให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นได้ หลังจากรับเข็ม 2 แล้วอย่างน้อย 6 เดือน
อย่างไรก็ตามมตินี้จะต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) ต่อไป และจะมีข้อแนะนำในการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้ในสัปดาห์นี้ เมื่อซีดีซีอนุมัติแล้ว วัคซีนโมเดอร์นาจะสามารถฉีดเป็นเข็มกระตุ้นได้ในสหรัฐอเมริกา
ส่วนการนำวัคซีนโมเดอร์นาขนาดครึ่งโดสมาใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับคนไทยที่ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย และไวรัลเวกเตอร์ จะมีประสิทธิภาพอย่างไร คงจะต้องติดตามกันต่อไป เนื่องจากขณะนี้ผลการศึกษาของโมเดอร์นาที่ออกมานั้น เป็นการศึกษาในกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาครบ 2 เข็ม
อ้างอิงจาก:
https://www.fda.gov/media/153089/download
https://investors.modernatx.com/static-files/4826b212-0777-4b17-852e-0f32ca42bc92
https://abcnews.go.com/Health/wireStory/fda-panel-debates-lower-dose-moderna-covid-shots-80580291
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage