“อิสรภาพของการเรียนรู้ คือสิ่งที่จะพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ ติดอาวุธทางความคิดแบบ ‘IM Possible’ เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ พร้อมรับมือกับโลกกว้างในปัจจุบัน การเรียนรู้ที่ไม่ถูกจำกัดในห้องสี่เหลี่ยม เพราะที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพโลกทั้งใบจะกลายเป็นห้องเรียนของเราทุกคน”
นี่คือมุมมองของนายนพพันธ์ จันทรศร และนางสาวนัชชา ทองธราดล สองนักศึกษาชั้นปี 1 ในการสร้าง “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ตามแบบฉบับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้สร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในวิชา GE (General Education) ที่นำนักศึกษามาออกแบบการเรียนการสอนในฐานะ Learning Designer (LD) และ Learning Experience Designer (LXD) ร่วมกับ “ครูพันธุ์ใหม่” ผู้ทำหน้าที่เป็นโค้ช ผลสำเร็จเชิงประจักษ์จากการปฏิวัติการเรียนรู้ทุกหลักสูตรด้วยวิชา GE ส่งผลให้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยเอกชนนำร่องโครงการสร้าง “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ที่มีทักษะชีวิต (Soft Skill) และทักษะวิชาชีพ (Professional Skill) จากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
จากความคิดริเริ่มในวิชา GE ถูกต่อยอดและพัฒนาเป็นโมเดล iFIT (Individual Future Innovative Learning of Thailand) อันมีความหมายว่าเหมาะ หรือ Fit กับทุกความต้องการของนักศึกษาทุกคน พร้อมสร้างโมเดลนี้ให้กลายเป็น Thailand Model ภายใต้ปรัชญาการศึกษาเพื่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืน
“เราตระหนักมานานแล้วว่าการจะใช้ชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้น การมีแค่ Professional Skill ไม่เพียงพอ แต่ต้องมี Soft Skill ที่หยั่งลึกในตัวนักศึกษาด้วย” เพชร โอสถานุเคราะห์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าว และอธิบายถึงโมเดล iFIT ต่อว่า
เมื่อ สกอ.ริเริ่มโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ จึงได้นำเสนอโปรเจ็กต์ iFIT ที่เราได้ทดลองทำจนเห็นผลลัพธ์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ให้ สกอ.พิจารณา ซึ่งโมเดลการเรียนรู้แบบ Personalized Learning ฉบับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ นั้นเรียกว่า iFIT โดยเตรียมปั้นบัณฑิตพันธุ์ใหม่ผู้มี Lifelong Learning Competency ป้อนโลกอนาคตแบบยกระดับ ทุกหลักสูตร ทั้งมหาวิทยาลัย
ด้าน รศ.ดร.ทิพรัตน์ วงษ์เจริญ รองอธิการบดีอาวุโสด้านวิชาการ กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้รับความเชื่อมั่นในเรื่องหลักสูตรที่ทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดงานมาทุกยุคสมัย แต่การที่นักศึกษาจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ และความสุขอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งสิ่งที่จะมาเติมเต็มภูมิคุ้มกันทางด้านนี้ก็คือทักษะชีวิต โดยเครื่องมือที่จะทำให้นักศึกษาเข้าใจทักษะทุกด้านอย่างลึกซึ้ง ก็คือการที่นักศึกษาเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนโมเดลการเรียนรู้ ผู้มีความสุขในทุกนาทีที่เรียน ในแบบ Work/Learn/Play และเมื่อนักศึกษามีความสุขก็จะนำไปสู่การเพิ่ม Learning Skill, Working Skill และ Communication Skill โดยอัตโนมัติ
โมเดล iFIT เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนแบบรายบุคคล เพราะนักศึกษาแต่ละคนต่างก็มีความสามารถ ความสนใจ และความถนัดเฉพาะตัวที่ต่างกัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร แต่ทุกคนมีความเก่งในทางของตัวเอง การออกแบบเส้นทางสู่อนาคตจึงไม่สามารถยึดรูปแบบการเรียนการสอนเช่นที่ใช้กันในปัจจุบัน หรือแม้แต่การวัดผลก็ไม่สามารถใช้ข้อสอบชุดเดียวกันได้ จึงจำเป็นต้องปฏิวัติรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อให้เป็น Personalized Learning อย่างแท้จริง
“เปลี่ยนการนั่งเรียนเป็นการทำงานจริง
เปลี่ยนการบ้านเป็นโปรเจ็กต์ระดับมืออาชีพ”
รศ.ดร.ทิพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า เราทลายพรมแดนของคณะวิชา เปลี่ยนการนั่งเรียนเป็นการทำงานจริง เปลี่ยนการบ้านเป็นโปรเจ็กต์ระดับมืออาชีพ เปลี่ยนตารางสอน เป็นช่วงเวลาของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีครูเป็นโค้ช เน้นการทำงานกลุ่ม หมุนเวียนหน้าที่ ฝึกฝนทักษะให้ได้มากกว่าหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้อย่างครีเอทีฟและฟรีสไตล์
วิธีนี้จะทำให้นักศึกษามีทั้งทักษะวิชาชีพเฉพาะทาง และทักษะวิชาชีพที่จำเป็นอื่นๆ ส่งผลให้มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน มีสมรรถนะเพียงพอจะรองรับอาชีพที่หลากหลายในโลกอนาคต เพราะโลกอนาคตเต็มไปด้วยความผันผวน ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่า อาชีพใดจะยั่งยืนไปตลอด การมีความรู้ความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านจึงจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในอนาคตข้างหน้าเป็นมาก
สำหรับนักศึกษาใหม่ ยังสามารถเลือกเรียนแทร็กพิเศษที่เปิดโอกาสให้เรียนเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงก่อน แล้วค่อยเลือกเรียนคณะและสาขาวิชาในภายหลัง โดยเลือกเรียนวิชาที่จำเป็นต่อการพัฒนาทักษะสำหรับอาชีพการงานที่ตนมุ่งหวังในอนาคตได้อย่างหลากหลายเท่าที่ต้องการ
และนี่คือโมเดลบัณฑิตพันธุ์ใหม่ไม่เหมือนใคร ที่ผู้เรียนสามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างอิสระ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ