ตั้งกรรมการปฏิรูปการศึกษาสำหรับผู้มีความต้องการจำเป็นพิเศษ
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสำนักงานสภาการศึกษา กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ครั้งที่ 1/2561โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบเรื่องแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ฉบับที่ 3พ.ศ.2560-2564 ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญหลัก เป็นแผนที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ, รัฐธรรมนูญ และจะใช้ในช่วงปี 2560-2564แต่ทั้งนี้จะต้องปรับเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในแผนฯ กำหนดวิสัยทัศน์ว่าคนพิการจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยวิถีพอเพียง
โดยมียุทธศาสตร์หลัก 8 ยุทธศาสตร์ คือ การขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ยกรัดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาพิเศษ ทุกระดับ ทุกระบบ พัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารรองรับการจัดการศึกษาระบบดิจิทัล ส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและองค์ความรู้ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เร่งผลิตและพัฒนาและจัดระบบบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาตามาตรฐานวิชาชีพ พัฒนาประสิทธิภาพการเรียนรู้สู่ความเป็นเลิศ พัฒนาระบบงบประมาณ และทรัพยากรทางการศึกษาสำหรับคนพิการ และพัฒนาระบบบริหารจัดการแบบองค์รวมเชิงบูรณาการโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าจะต้องทำแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับแผนจัดการศึกษาดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันยังพูดถึงการจัดการศึกษาพิเศษรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งหมายถึงการศึกษาสำหรับคนพิการ การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ และการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส โดยทั้งสามกลุ่มนี้ต่อไปจะต้องมีการใช้คำนิยามที่ชัดเจน ซึ่งมีผู้เสนอว่า อาจต้องใช้คำว่า การศึกษาสำหรับผู้ที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาสำหรับผู้มีความต้องการจำเป็นพิเศษ โดยมีเลขาธิการสำนักงานสภาการศึกษา เป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอื่นๆ ร่วมเป็นกรรมการ
“การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ชุดนี้ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายคนพิการและคนที่มีความสามารถพิเศษ ตั้งแต่เกิดจนตลอดชีวิต โดยให้พิจารณาเรื่องโครงสร้างการบริหารจัดการคนกลุ่มนี้ด้วยว่าต่อไปควรจะมีหน่วยงานขึ้นมาหรือไม่ หน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติ หรือหน่วยสนับสนุน หรือหน่วยควบคุมกำหนด และควรจะเป็นหน่วยงานในกับกับ หรือควรจะเป็นหน่วยงานอิสระ โดยคณะกรรมการฯ ชุดนี้จะต้องคิดงานเป็น 2 ระยะ โดย 2 เดือนแรกจะต้องได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) พิจารณา กับระยะที่ 2 คือ จัดทำข้อเสนอแนะเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป”นายชัยพฤกษ์ กล่าว
ด้าน นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ที่ประชุมได้นำเสนอภาพการจัดการศึกษาพิเศษในมุมมองของ ศธ.ให้เชื่อมโยงกับ กอปศ. รวมถึงเสนอโครงสร้างจัดการศึกษาพิเศษที่ควรจะเป็นสามารถทำได้จริง ว่าควรจะเป็นรูปแบบใด เช่น ยกสถานะให้สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีสถานะเป็นกรม เช่นเดียวกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) หรือเป็นหน่วยงานอิสระ เป็นต้น
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ