ต้องมีประสบการณ์สอน-ศึกษานิเทศก์อย่างน้อย 10 ปี กำหนด 1 วาระ 4 ปีจึงมีสิทธิย้าย ต้องประเมินผลทุกปี โดย กศจ.ไม่ผ่านเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นครูสอน อนาคตคัดเลือกครูใน รร. ขึ้นเป็น รอง ผอ. เชื่อรู้งานดี
วันที่ 2 ก.ย.59 รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ. มอบให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)นั้น วันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาร่างหลักเกณฑ์การคัดเลือกใหม่ตามที่ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เสนอ ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว และจะมีการนำเสนอต่อ บอร์ด ก.ค.ศ.เพื่อพิจารณาต่อไป
ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษานั้น จะต้องมีประสบการณ์สอนหรือเป็นศึกษานิเทศก์มาแล้วอย่างน้อย 10 ปี โดยต้องเป็นผู้บริหารสถานศึกษาอย่างน้อย 1 วาระ วาระละ 4 ปี จึงจะมีสิทธิย้ายได้ และเป็นได้โรงเรียนละไม่เกิน 2 วาระ ทั้งนี้จะต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานทุกปีโดยคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) ครู และผู้ปกครอง หากไม่ผ่านการประเมินจะต้องเปลี่ยนสถานภาพกลับไปเป็นครูผู้สอนในโรงเรียน เพราะฉะนั้นจะมีโอกาสถอยกลับไปเป็นผู้สอนได้ทุกปีหากผลงานไม่ผ่าน
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตำแหน่งจะต้องผ่านการสอบ ภาค ก ความรู้ทั่วไป และภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง เมื่อสอบผ่านตามหลักเกณฑ์แล้วรายชื่อจะมาขึ้นบัญชีรวมที่ส่วนกลาง โดยให้ผู้สอบผ่านเลือกโรงเรียนได้ไม่เกิน 4 โรง เพื่อส่งต่อให้ กศจ.นำไปคัดเลือกต่อไป
“หลักเกณฑ์ใหม่นี้จะใช้กับการคัดเลือกผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็กเท่านั้น ซึ่งต่อไปเส้นทางการเติบโตของผู้บริหารสถานศึกษา จะไล่ไปตามขนาดโรงเรียนเริ่มจากขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปถึงขนาดใหญ่ โดยต้องบริหารโรงเรียนแต่ละโรงจนครบวาระจึงจะมีสิทธิ์ย้ายหรือขยับได้ ส่วนโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ จะไม่มีการเปิดสอบอีก เพราะจะใช้วิธีการย้ายและประเมินเพื่อขยับขนาดโรงเรียนขึ้นไป ที่สำคัญในอนาคตจะไม่มีการสอบคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ระดับรอง ผอ.โรงเรียนด้วย เพราะจะให้ ผอ.โรงเรียน เป็นผู้แต่งตั้งเอง โดยคัดเลือกมาจากครูในโรงเรียนนั้น ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นคนที่รู้จักโรงเรียนเป็นอย่างดีมาช่วยบริหารโรงเรียน”ปลัด ศธ.กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ