“ดาว์พงษ์”ไฟเขียวแยกอุดมศึกษา มอบ “กำจร-สุภัทร” ดูปรับโครงสร้าง สกอ. เน้นย้ำแยกไปแล้วต้องมีอำนาจกำกับดูแลมหา’ลัย กฎ-ระเบียบล้าสมัยต้องปรับปรุง พร้อมแนะชาวอุดมศึกษาต้องปรับตัวทันโลก/ทบทวนความเป็นอิสระ
วันที่15 ก.ย.59 ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จัดประชุมเชิงปฎิบัติการเพื่อมอบนโยบายปฏิรูปการศึกษา ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันอุดมศึกษา โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2574 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 15 ปีนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว 70-80% และจะเร่งทำเพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายในเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าแผนดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้แน่นอนในเดือน ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวจะมีรายละเอียดให้ทุกหน่วยงานในสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำให้รู้ทิศทางของตนเองว่าจะต้องดำเนินการ หรือมีบทบาทหน้าที่อย่างไรบ้าง ดังนั้นจากนี้จะไม่ต้องมีปัญหาในเรื่องของการตีความ หรือมาเกี่ยงกันว่าใครต้องรับผิดชอบอะไรอีก ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องกลับไปปรับการดำเนินงานของตนเองให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติด้วย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของอุดมศึกษา ที่ผ่านมาพบปัญหาเรื่องคุณภาพการผลิตบัณฑิต ที่ไม่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และจบแล้วไม่สามารถทำงานได้ทันที อีกทั้งการขาดธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะปัญหาระหว่างสภามหาวิทยาลัยกับคณาจารย์ ซึ่งแม้ปัญหาจะเกิดในบางมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องเร่งแก้ไข ขณะเดียวกัน สกอ.ต้องทบทวนตัวเองด้วย โดยดูเรื่องกฎกติกาต่างๆ ที่ใช้อยู่ว่าล้าสมัยหรือไม่ ทันต่อเหตุการณ์หรือไม่ เพื่อจะได้ปรับปรุง รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องปรับตัวเช่นกันเพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องจำนวนประชากรที่ลดลง ทำให้นักศึกษาลดลง และการเปิดหลักสูตรจำนวนมากจนไม่รู้ว่ามีคุณภาพหรือไม่ รวมถึงเรื่องความอิสระ ทั้งในเชิงวิชาการ การบริหาร และธรรมาภิบาลว่าจะต้องมีขอบเขตว่าอิสระมากน้อยแค่ไหน และผลของการให้อิสระจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรบ้าง
“ผมได้มอบหมายให้ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. และนายสุภัทร จำปาทอง รองปลัด ศธ.ในฐานะว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ) ไปดูเรื่องการปรับโครงสร้างของอุดมศึกษา ซึ่งที่ผ่านมามีหลายภาค ส่วนมีข้อเสนอให้แยกงานอุดมศึกษา ออกจาก ศธ.ซึ่งก็มีข้อมูลอยู่แล้ว โดยให้แนวคิดไปว่าหากจะแยกอุดมศึกษาออกจาก ศธ. หน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่จะต้องมีอำนาจในการกำกับดูมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นปัจจุบัน ส่วนจะแยกมาเป็นทบวง หรือกระทรวงนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยหากได้ข้อสรุปชัดเจนก็จะต้องเร่งยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จก่อนร่างรัฐธรรมนูญประกาศใช้ภายในเดือน พ.ย.59 นี้”พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ