นิติกรเตรียมแจ้ง สว.3 เรียกอดีต “บิ๊กสศศ.” รับทราบข้อกล่าวหา ด้านเจ้าตัวยันไม่มีเจตนาทุจริต “บุญรักษ์” เผยหากคำชี้แจงฟังขึ้น และมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ก็ถือว่าไม่มีความผิดหรือมีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง
วันที่ 29 มี.ค.2561 ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้กำชับมาตรการการปราบปรามและป้องปรามการทุจริต ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ได้นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยต้องดำเนินการสอบให้เสร็จในเบื้องต้นไม่เกิน 7 วัน จากนั้นเข้าสู่กระบวนการทางวินัย อาญา ให้สอบให้เสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งหากมีมูลความผิด กรณีผู้ที่เกี่ยวข้องแต่มูลยังไม่ชัด ให้ย้ายออกจากงานเดิม แต่ยังอยู่ในกระทรวงเดียวกัน ในกรณีที่เป็นผลเสียต่อทางราชการสำคัญให้ย้ายไปสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถดำเนินการได้ในระดับ 9, 10 และ11 ซึ่งทางสำนักนายกฯ เตรียมไว้ แล้ว 100 กว่าตำแหน่ง
นอกจากนี้สพฐ. ยังมอบหมายให้สพท. และหน่วยงานต่าง ๆ ในสพฐ. ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องมีพยานแวดล้อมและมีหลักฐานชัดเจน และอยู่ระหว่างดำเนินการ ว่า ขณะนี้มีอยู่จำนวนเท่าไร โดยจะต้องหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นในเสร็จภายใน 7 วัน ขณะเดียวกัน การตรวจสอบวินัยอย่างร้ายแรง ก็จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด ส่วนใครที่ถูกข้อกล่าวหา และพบว่าข้อกล่าวหา มีมูล ก็จะต้องย้ายออกจากงานเดิม ซึ่งตนจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อซึ่งอาจจะมีผู้ได้รับผลกระทบหลายราย ตอนนี้สพฐ. มีข้อมูลผู้ถูกกล่าวหา และมีมูลอยู่พอสมควร แต่บอกไม่ได้ว่าเท่าไร ซึ่งโดยหลักการแล้ว ผู้ที่ถูกสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง หากคณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่า อาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบ ก็ต้องให้ออกจากราชการ หรือย้ายไปตำแหน่งอื่น
“ส่วนกรณีคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงสรุปผลสอบกรณี นางญาณกร จันทหาร อดีต ผอ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบการใช้เงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งพบความผิดปกติ โดยมีการโอนเงินอบรมพัฒนาครูต่างประเทศ จำนวน 2 รอบวงเงินประมาณ 40 ล้านบาท ไปที่ศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา 5 จ.สุพรรณบุรี และมีการโอนเงินจากศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา 5 จ.สุพรรณบุรี เข้าบัญชีตนเอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 5 จ.สุพรรณบุรี จำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ เสนอให้ลงวินัยอย่างร้ายแรง ปลดออกหรือไล่ออกนั้น ขณะนี้นิติกรของ สพฐ.อยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง สว.3 หรือบันทึกการแจ้ง และรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปรายงานหลักฐาน ให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ และเปิดโอกาสให้ชี้แจง ซ่ึงถ้าหากคำชี้แจงฟังขึ้นและมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ก็ถือว่าไม่มีความผิดหรือมีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่ถ้าชี้แจงแล้วฟังไม่ขึ้นก็จะต้องลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ เสนอต่อไป”
ดร.บุญรักษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนได้สั่งการให้ย้ายนางญาณกร ไปช่วยราชการที่หน่วยศึกษานิเทศก์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้านนางญาณกร กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่รับแจ้ง สว.3 แต่ก็เตรียมเอกสารรอชี้แจงแล้ว และยืนยันว่าไม่มีเจตนาทุจริต โดยสมัยที่ตนเป็น ผอ.ศูย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา 5 จ.สุพรรณบุรี ได้รับมอบหมายจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้ทำโครงการพัฒนาผู้บริหาร โดยไม่ให้ทำในลักษณะของการจัดทัวร์ แต่ให้ไปกันเอง ดังนั้น การดำเนินการจึงต้องใช้บัตรเครดิต และต้องใช้บัญชีส่วนตัว ทำให้มีเงินเข้าออกบัญชี ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 5 จ.สุพรรณบุรี และ สศศ. ต้นเรื่องเกิดจากกองทุนฯ แต่ตนไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ