สำหรับบทความ covid วันนี้นะครับ ทิวเขาเงาตะวัน จะพาทุกคนมาเจาะลึกในด้านการศึกษาของประเทศไทยเป็นที่รู้กันดีครับว่าวันนี้ covid ของเราเข้าสู่การระบาด ระลอกใหม่อีกรอบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแน่นอนครับว่ามันต้องกระทบกับการเรียนการสอนอย่างแน่นอน แม้ว่า covid ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 เราก็ยังจะเห็นหลายๆโรงเรียน มหาวิทยาลัย ยังคงใช้รูปแบบการสอนแบบออนไลน์เพียงเพื่อแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้เรามาดูการรับมือในรูปแบบวิถีใหม่ที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาจะต้องนำมาใช้นำมาปรับให้เข้ากับสถานการณ์การเปิดการเรียนการสอนในอนาคตที่จะถึงเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นวิธีการที่เรียกว่าปรับตัวไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
การศึกษานับว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโครงสร้างทางสังคมในประเทศไทยและในขณะเดียวกันการศึกษาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งผู้มีอำนาจตัดสินใจได้ละเลยและมองข้ามโดยสังเกตได้จากการระบาดในรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ไม่มีการเยียวยาไม่มีการช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น จากจุดนี้จึงทำให้โรงเรียนสถานศึกษาหลายแห่งหันมาแนวทางในการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ในการที่จะพบเจอการระบาด covid ในอนาคตวิธีใหม่ที่ว่าที่เราเห็นได้ชัดนั่นก็คือการที่เราสอนออนไลน์แต่นักเรียนนักศึกษาได้ปฏิบัติเหมือนอยู่ในห้องเรียนปกติ การมอบหมายภาระงานที่เน้นให้ผู้เรียนไม่รู้และไม่ใช่เป็นภาระแก่ผู้เรียน มีการจัดการเรียนการสอนในห้องสลับกับการเรียนการสอนผ่านรูปแบบออนไลน์เพื่อลดความแออัดภายในพื้นที่ มีการตรวจคัดกรองนักเรียนนักศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ให้นักเรียนและครูบุคลากรทางการศึกษา เขียนบันทึกประจำวันแบบคร่าวๆไว้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมหากเราเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือว่าอยู่ในกลุ่มคนที่มีการแพร่ระบาด และที่เราพบเจอกันมากที่สุดก็คือการที่นักเรียนไม่มีความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ดังนั้นทางโรงเรียนจะต้องมีการเตรียมพร้อมซื้อออนไลน์หรือว่าการเรียนภายในสถานศึกษาให้กับบุคคลเหล่านี้เพื่อเป็นการลดช่องว่างของการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเรียนรู้ นอกจากนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาก็ควรงดในการเดินทางข้ามจังหวัดงดการเข้าร่วมประชุมที่มีผู้คนมากมาย หันมาใช้การอบรมผ่านสื่อออนไลน์แทนการเข้าร่วมประชุมที่พบหน้ากัน
จะเห็นได้ชัดว่าวิถีใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่เราได้เรียนรู้มาจากการระบาดในระยะแรกระยะที่ 2 จึงทำให้การปรับตัวปรับแนวทางในการอยู่ร่วมกันกับโรคระบาดนี้เป็นไปได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ วิถีเหล่านี้แม้ว่าโรคระบาดจะค่อยๆลดน้อยลงแต่ก็คงจะต้องมีแนวทางการปฏิบัตินี้ไปเรื่อยๆจนกว่าประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100% และใน 100% นี้จะต้องมีประสิทธิภาพการศึกษาของไทยถึงจะกลับมาอยู่ในรูปแบบปกติได้