โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “นารี ตัณฑเสถียร” อัยการสูงสุดหญิงคนแรก เปิดประวัติการศึกษา การทำงานไม่ธรรมดา ผลงานเพียบ “ประยุทธ์” ทิ้งตำแหน่งรองโฆษกสำนักงานอัยการ ลงเลือกตั้งท้าชิง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศวุฒิสภาเรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สํานักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คนที่ 17 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา
สำหรับประวัติเบื้องต้น น.ส.นารี ตัณฑเสถียร ตำแหน่งปัจจุบัน อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนติบัณฑิตไทย พ.ศ.2523 ปริญญาโทด้านกฎหมายเปรียบเทียบ Howard University Wash DC สหรัฐ อเมริกา, ปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ The American University วอช ดีซี สหรัฐอเมริกา, ปริญญาโทด้านกฎหมายการให้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ Vrije Universiteit of Brussel, Belgium (ทุนรัฐบาลเบลเยียม)
ขณะที่ประวัติการทํางาน สํานักงานคดีอาญาธนบุรี สํานักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด,ทำหน้าที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่หน่วยงานภาครัฐ และเจรจาตรวจร่างสัญญาภาครัฐ, เลขานุการรองอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจฉัยภาค, เลขานุการอัยการสูงสุด, อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 3, รองอธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ปัจจุบัน อธิบดีอัยการ สํานักงานที่ปรึกษากฎหมาย
ประสบการณ์การทำงาน การเป็นที่ปรึกษาและอาจารย์พิเศษ ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ 2547 ถึงปัจจุบัน ที่ปรึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2549 ถึงปัจจุบัน ที่ปรึกษากฎหมายโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรปริญญาตรี และปริญญาโท 2552 ถึงปัจจุบัน, อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต เป็นต้น
วันเดียวกัน นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด มีคำสั่งอนุญาตในหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ของนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โดยหนังสือขออนุญาตลาออกดังกล่าว มีเนื้อหาส่วนสำคัญระบุว่า
“กราบเรียน อัยการสูงสุด ตามที่ข้าพเจ้านายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ได้รับแต่งตั้งจากท่านอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.58 เป็นต้นมา ด้วยข้าพเจ้ามีความประสงค์จะเสนอตัวเพื่อรับการเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการอัยการ ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยสำนักงานคณะกรรมการอัยการประกาศ ให้ผู้ประสงค์จะแสดงตนเพื่อรับการเลือกตั้ง ต้องยื่น เสนอตัวภายในวันที่ 23 ก.ย.65 และมีประกาศให้ส่งบัตรลงคะแนนในวันที่ 10 ต.ค.65 จนกว่าจะแล้วเสร็จ และให้มีการนับคะแนนในวันที่ 2 พ.ย.65
ข้าพเจ้าได้ยื่นหนังสือแสดงตนต่อ อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.ย.65 โดยผู้เสนอตัวดังกล่าว จะต้องไม่หาเสียงหรือแสดงตนในลักษณะจูงใจหรือเชิญชวนให้ข้าราชการอัยการลงคะแนนเลือกตนเอง ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าการทำหน้าที่รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ต้องมีการแถลงข่าวหรือให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน อันอาจเป็นการต้องห้ามตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ข้าพเจ้าจึงขอลาออกจากรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งเป็นรองอธิบดีอัยการปีที่ 2 และนั่งตำเเหน่งรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดมายาวนานถึง 7 ปี รับหน้าที่เเถลงคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเเละคดีใหญ่สะเทือนขวัญสำคัญหลายคดี
นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เคยเป็นอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา เเละย้ายข้ามมาทำงานคดีพิเศษซึ่งเป็นคดีที่มีความสลับซับซ้อน เเละเติบโตเป็นระดับรองอธิบดีที่สำนักงานนี้ เเสดงว่าได้รับไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้บริหาร เพราะสำนักงานคดีพิเศษเป็นสำนักงานที่รับพิจารณาสำนวนคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ และคดีป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งรวมถึงคดีการเมืองเเละการชุมนุมของม็อบการเมืองต่างๆ สำนักงานดังกล่าวจึงมีบทบาทสำคัญ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายสิงห์ชัย อัยการสูงสุด ได้ออกประกาศสำนักงานอัยการสูงสุดเรื่อง การแนะนำตัว เผยแพร่ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ ของบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.อ.) สรุปว่า ด้วยสำนักงานอัยการสูงสุดจะดำเนินการให้มีการเลือกกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิแทน น.ส.นารี ตัณฑเสถียร และนายศักดา ช่วงรังษี ได้พ้นจากตำแหน่งเพราะเป็น ก.อ.โดยตำแหน่ง และนายสุวิช ชูตระกูล และนายพรชัย ชลวาณิชกุล ได้พ้นจากตำแหน่งเพราะไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65.