โรงเรียนวัดวิหารเบิก (กาญจนานุกูล) ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง แม้จะอยู่ใกล้ตัวเมือง แต่ต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน ทั้งคุณภาพชีวิตนักเรียนที่ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวหย่าร้าง นักเรียนถูกทอดทิ้งให้อยู่กับญาติ บางรายอยู่เพียงลำพัง และส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้าง มีรายได้ไม่แน่นอน
จากการประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยยังพบว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนดไว้แทบทุกระดับชั้น คณะครูจึงร่วมกันโดยมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียน โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สุขภาวะสำหรับเด็กด้อยโอกาส “การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนเพื่อการเรียนรู้” ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในฐานะผู้บริหาร ประสิทธิ์ รอดดำ ผอ.รร.วัดวิหารเบิก เห็นว่าหากจะแก้ปัญหาอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนให้สำเร็จได้จะต้องแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของนักเรียนก่อน เพราะแม้จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้อำเภอเมืองพัทลุง แต่นักเรียนกว่า80-90% ขาดพ่อแม่ดูแลส่วนใหญ่อยู่กับญาติ มาจากครอบครัวหย่าร้าง ฐานะยากจน โรงเรียนจึงต้องให้ความช่วยเหลือ จัดครูแต่ละชั้นเข้าไปดูแลความเป็นอยู่ของนักเรียน
นอกจากนี้ ยังพบว่าบางคนเป็นเด็กพิเศษ มีความพิการซ้ำซ้อนต้องดูแลเป็นพิเศษจากครูที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ
“เราให้การดูแลเด็กทุกคน ทุกปีเรามีการตรวจสอบนักเรียนว่าใครลำบากที่สุด เราจะช่วยเหลือว่าครอบครัวมีปัญหาอะไรบ้าง เช่น น้ำท่วมโรงเรียนอยู่นานหลายเดือนก็เอาของไปแจก นักเรียนไม่ได้มาโรงเรียน บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ ส่งผลต่อการเรียนการสอน เราจะส่งครูไปแนะนำให้มาเรียนในวันเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเติม”
ผอ. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าก่อนที่จะย้ายมารับตำแหน่งที่นี่ เด็กส่วนมากอ่านหนังสือไม่ออก อาจเป็นเพราะว่าช่วงนั้นครูไม่ได้ติดตามเท่าที่ควร แต่หลังจากนั้นได้กำชับให้ครูทุกคนติดตามเด็ก บางคนที่มีปัญหาทางบ้าน มีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้าไปดูแลให้ทั่วถึง ต้องไปดูถึงบ้านว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ส่วนใหญ่พบว่ามีปัญหาครอบครัวทำให้เด็กไม่สนใจการเรียน ผู้ปกครองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญและไม่สนับสนุนเท่าที่ควรเพราะเห็นว่าปัญหาปากท้องสำคัญกว่าเรื่องเรียน
“เรารู้ว่าตอนเช้าส่วนใหญ่เด็กไม่ได้กินข้าวมาซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็ก ทางโรงเรียนก็ต้องสั่งแม่ครัวที่มาแต่เช้าให้หุงข้าวไว้ ทำกับข้าวง่ายๆให้นักเรียนได้กินก่อนจะเรียนหนังสือ ทำให้ปัญหาไม่ได้รับประทานอาหารมื้อเช้าหมดไป และตอนกลางวันเรามีอาหารให้เต็มที่ทุกระดับชั้น”
เมื่อแก้ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียนได้แล้ว ทางโรงเรียนจึงมุ่งแก้ปัญหาการอ่านออกเขียนได้ในลำดับต่อมา โดยมีครูสมจิตร ปรางสุวรรณ์ ครูชำนาญการพิเศษ (ภาษาไทย) ซึ่งได้สร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับใช้กับนักเรียนกลุ่มบกพร่องทางการเรียนรู้และนำไปใช้อย่างได้ผล จึงขยายการใช้สื่อมายังนักเรียนปกติในชั้นป.4-6ปรากฏว่าช่วยให้เด็กปกติเรียนรู้ภาษาไทยได้รวดเร็ว บรรยากาศการเรียนสนุกสนาน สร้างความสุขแก่เด็กในการเรียนภาษาไทยไม่ให้น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน
ครูสมจิตรเผยว่าก่อนหน้านี้ได้ศึกษาสภาพปัญหา พบว่าเด็กอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ จึงสร้างสื่อสำหรับเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ และนำมาต่อยอดทดลองใช้กับเด็กปกติในชั้น ป.4 พบว่าประสบความสำเร็จด้วยดี จึงคิดว่าหากนำไปใช้ปูพื้นการเรียนรู้ตั้งแต่ชั้น ป.1 น่าจะช่วยให้เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้หมดไป ทำให้เรียนรู้เรื่อง อื่นๆได้ รวมทั้งเรียนรู้สุขภาวะของตนเองด้วย
“อย่างการอ่านคำศัพท์เราจะให้อ่านทุกวัน ให้เด็กคิดเกมเอาคำศัพท์มาลงที่เกม ได้เล่นเกมอย่างมีความสุข ส่วนเรื่องการอ่านจับใจความคุณครูก็เลือกบทความเกี่ยวกับสุขภาวะเรื่องของสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดีมาให้เด็กอ่าน เรื่องของการเขียนการจินตนาการก็จะนำภาพเกี่ยวกับสุขภาวะที่ดี เช่น เรื่องการออกกำลังกาย ความรักความอบอุ่นในครอบครัวให้เด็กได้เขียนตามจินตนาการโดยใช้ทักษะการเขียนควบคู่ไปด้วย นอกจากได้ความสุขในการเรียนรู้แล้ว เด็กก็จะได้ความรู้จากการอ่าน ได้รับการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องสุขภาวะที่ดีผ่านงานเขียนของเด็กๆ”
นอกจากการเรียนการสอนในห้องเรียนแล้วทางโรงเรียนยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย เช่น ค่ายนักเขียนน้อย เชิญนักเขียนในพื้นที่ รวมทั้งครูที่เกษียณแล้วมาเป็นวิทยากรให้ความรู้สร้างประสบการณ์ให้นักเรียน ในขณะที่การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยก็ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายเพื่อนครูในพื้นที่สังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัทลุง เขต1ร่วมกันพัฒนาแลกเปลี่ยนและนำไปใช้ขยายผลในโรงเรียนอื่นๆ
ด.ญ.ณัฐชา โชติพานิช นักเรียนชั้นป.6 เล่าว่า สนุกและได้ความรู้จากการเรียนภาษาไทย แม้จะมีเพื่อนๆที่อ่านไม่ค่อยออกแต่คุณครูได้ช่วยให้อ่านได้ดีขึ้นและมีความเข้าใจ ได้เรียนการแต่งประโยค การใช้คำ ใช้สุภาษิต เรียงความ สำหรับเพื่อนที่อ่านไม่ออกก็จะช่วยเหลือแนะนำฝึกหัดพูด เรียนรู้จากคำศัพท์ต่างๆ รวมทั้งการเล่นเกมก็ช่วยให้เพื่อนที่อ่านไม่ค่อยออกได้ เพราะต้องรู้คำศัพท์สามารถอ่านและเข้าใจความหมายจึงจะเล่นเกมได้
ผลจากการนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมการเรียนรู้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักเรียน ช่วยให้เด็กนักเรียนของโรงเรียนวัดวิหารเบิกฯ มีทักษะทั้งการอ่านและเขียนได้ดีขึ้น
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเด็กนักเรียนมีความสุขและสนุกในการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการการเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ในกลุ่มสาระวิชาอื่นๆ ไปด้วยเช่นกัน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ