ความรู้ตกยุค-เด็กลด-หันเรียนออนไลน์ ขณะต้องปิดสาขาหรือสถานศึกษา คาดภาคเอกชนเจอก่อน
ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ กลุ่มนโยบายทรัพยากรมนุษย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ให้มุมมองเชิงมหภาคของภาคการผลิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยระบุภาคบริการซึ่งเป็นสาขาใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ 6.03 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 58.5 โดยสาขาขายส่งขายปลีกและซ่อมบำรุง สาขาโรงแรม ท่องเที่ยวและภัตตาคาร ส่วนใหญ่มีภูมิหลังการศึกษาค่อนข้างดี น่าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และ บริการ 4.0 ได้ดีในภาพรวม ส่วนสาขาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นตัวกลางทางการเงิน บริการออนไลน์จะกระทบอาจต้องปิดสาขา
รวมทั้งอีกสาขาที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลง และมีคนทำงานเพิ่มขึ้นปีละหมื่นคนต่อเนื่องมานับ 10 ปี มีคนทำงานในปัจจุบันมากกว่า 1.1 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูและอาจารย์จำนวนมากต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน 2 เรื่อง คือ ไม่มีความรู้ทันสมัยเพียงพอจะสอนเด็กนักเรียนและนักศึกษาให้ทันยุคทันสมัย อาจมีบางส่วนต้องลาออกไป และอีกปัญหาแม้จะปรับตัวได้ดีแต่ไม่มีนักเรียนนักศึกษาให้สอน เพราะเด็กเข้าเรียนลดลงจากที่เคยเข้าเรียนชั้นป.1 ไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านคนปัจจุบันเหลือเพียง 0.7 ล้านคนเศษเท่านั้น ผลต่อเนื่องก็คือจำนวนเด็กต่อชั้นเรียนในระดับ สพฐ หรือนักศึกษาที่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยบางสาขาวิชามีเด็กลดลงและ/หรือไม่จำเป็นต้องเข้ามาเรียนแบบเดิมๆแต่ปรับเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์(ในอนาคต) ในที่สุดก็ต้องปิดสาขาวิชาและ/หรือต้องปิดสถานศึกษา ต้องยกเลิกการจ้างครูอาจารย์ ซึ่งน่าจะเกิดก่อนกับการศึกษาเอกชนที่ปรับตัวเองไม่ได้ในทุกระดับการศึกษา
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ